ทุกวันนี้ตลาดผลผลิตเกษตรอินทรีย์เติบโตตามความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มเป็นเงาตามตัว
“สวนปันบุญ” แห่งบ้านดอนแคน ต.ฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ คือ 1 ในตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ ขายข้าวและผักอินทรีย์ได้ตลอดทั้งปี เดือนละ 100,000 บาท โดยใช้พื้นที่แค่ 5 ไร่เท่านั้น
แต่การลงมือทำเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะต่อสู้เอาชนะโรคและเหล่าแมลงศัตรูตัวฉกาจต้องลองผิดลองถูกล้มลุกคลุกคลาน หลายคนถึงกับท้อ
เคล็ดลับของ “สวนปันบุญ” คือการนำความรู้และเทคโนโลยีมาใช้ในทุกขั้นตอน โดยมี ดร.นฤทัย วรสถิตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลิตพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักวิจัยและพัฒนา
การเกษตร เขตที่ 3 จ.ขอนแก่น กรมวิชาการเกษตร คอยเป็นพี่เลี้ยง
ดร.นฤทัย เผยว่า จากการทำวิจัยพร้อมๆกับลงพื้นที่พบว่าภาคอีสานมีลักษณะดินเป็นดินร่วนปนทราย เป็นอุปสรรคสำคัญของการทำเกษตรอินทรีย์ รวมถึงศัตรูพืช จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยบำรุงดินที่มีความเหมาะสม
การนำเอาเทคโนโลยีวิชาการเกษตร โดยใช้สารชีวภัณฑ์ ทั้งไส้เดือนฝอย ไตรโคเดอร์มา แหนแดง และการใช้ NPV ที่สามารถควบคุมศัตรูพืชและบำรุงดินได้ดี ทำให้ “สวนปันบุญ” ได้รับผลตอบแทนที่ดี มีมาตรฐานออร์แกนิกไทยแลนด์รับรอง
จริงๆเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยากหากมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ได้ถือว่าคุ้มค่ามาก ที่สำคัญปลอดภัยทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค
นางสุจารี ธนสิริธนากร เจ้าของ “สวนปันบุญ” กล่าวว่า แรกๆที่ลงมือทำเจอปัญหาโรคแมลงปลูกผักแทบไม่ได้เลย พอหันมาใช้สารชีวภัณฑ์ ตอบโจทย์เราได้ทุกอย่าง
ที่สวนเน้นปลูกผักสลัด เพราะมีราคาสูงและปลูกได้ทั้งปี การันตีเรื่องความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้มีลูกค้าเยอะมาก ผลิตป้อนตลาดกันแทบไม่ทัน
มีรายได้รายวัน รายเดือน และรายปี มีความมั่นคง แน่นอน และยั่งยืน.
สมบูรณ์ นาสาทร