
“ลุงพล” ยืนยันสร้างพญานาคเพื่อสาธารณประโยชน์ หวังดันเป็นแลนด์มาร์ก (คลิป)
“ลุงพล” ยืนยันก่อสร้างพญานาค มีเจตนาทำให้เป็นแลนด์มาร์ก แหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่ได้คิดหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ขณะที่นักข่าวอมรินทร์ทีวี แจ้งความเพิ่มอีก 1 ข้อหา ฐานพยายามชิงทรัพย์
กรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เเข้าพบ พ.ต.อ.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ รอง ผบก.ปทส.เพื่อแจ้งความเอาผิด นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กับพวก ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน มาตรา 14 หลังมีการก่อสร้างพญานาค และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ทำให้ป่าสงวนเสื่อมเสียสภาพ พร้อมนำเอกสารหลักฐานแผนที่พิกัดพื้นที่ก่อสร้างพญานาคในป่าสงวนดงภูพาน จ.มุกดาหาร จำนวน 6 แผ่น ประกอบการแจ้งความ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวแนะนำ
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2564 นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นได้รับทราบข่าวจากสื่อแล้ว และไม่หวั่นจะถูกรื้อถอน โดยก่อนสร้างได้ประสานเทศบาลตำบลกกตูม ทราบว่าไม่มีเอกสารสิทธิ และเป็นที่ของกรมอุทยานฯ ซึ่งเมื่อไม่มีคำสั่งห้ามก็คุยกับกรมทางหลวงชนบท แนะนำให้สร้างได้ แต่ต้องห่างขอบทาง 9 เมตร และหลังจากนี้จะไปขออนุญาตเพิ่มเติม ถ้าสร้างเสร็จแล้วก็พร้อมมอบให้เป็นสาธารณะ เพื่อเป็นประโยชน์กับจังหวัด
“ที่ก่อสร้างพญานาค เพราะอยากให้ที่ตรงนี้เป็นแลนด์มาร์ก ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ยืนยันไม่มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เรื่องจิตอาสาผมมีอยู่แล้ว” ลุงพลกล่าวย้ำ
เมื่อถามว่า สมมติว่าถ้าทางผู้ใหญ่รับสิ่งก่อสร้างดังกล่าวมาเป็นของทางจังหวัด ลุงพลกล่าวว่า มันยินดีอยู่แล้ว เพราะว่าเราก็ทำเพื่อประเทศชาติอยู่แล้วไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (22 ม.ค.) นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือฟ้า ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เดินทางมายัง สภ.กกตูม เพื่อเข้าพบ พ.ต.ท.สุริยา นภกรีกำแหง สารวัตรใหญ่ สภ.กกตูม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล เพิ่มอีก 1 ข้อหา ฐานพยายามชิงทรัพย์ กรณีเหตุการณ์ถูกแย่งไมค์และทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
โดยนายนภัส บอกว่า ที่ตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม ในข้อหาพยายามชิงทรัพย์ เกิดจากการที่คู่กรณีพยายามยื้อแย่งไมค์ เมื่อไม่ให้จึงเข้ามาทุบหลังตัวเองถึง 2 ครั้ง และปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง จึงปรึกษาทีมกฎหมายว่าควรแจ้งความเพิ่ม ทำให้ตอนนี้มีการแจ้งความแล้ว รวมเป็น 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย, ข่มขืนจิตใจ และพยายามชิงทรัพย์ หลังจากที่ตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติมแล้วเสร็จ ทราบว่าจะมีการเรียกพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ และจะมีการออกหมายเรียกนายไชย์พล เข้ารับทราบข้อกล่าวหาใน สัปดาห์หน้า ก่อนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลจังหวัดมุกดาหาร
ส่วนที่ นายไชย์พล อ้างว่าทำไปเพราะต้องการหยอกล้อนั้น นายนภัส ยืนยันว่า ไม่ใช่การหยอกล้อ แน่นอน เพราะตัวเองทำข่าวในพื้นที่มานาน รู้จักและคุ้นเคยกับคู่กรณีเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าท่าทีของนายไชย์พล คือต้องการทำร้ายร่างกาย ส่วนตัวพร้อมที่จะเดินทางมาทำข่าวในพื้นที่ในฐานะผู้สื่อข่าว แต่ต้นสังกัด เห็นว่าเพื่อความปลอดภัยจึงให้กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อน
ขณะที่คำแถลงขอโทษจากคู่กรณี ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ทราบว่าคำขอโทษจากใจ หรือทำตามคำแนะนำให้กล่าวขอโทษของใครหรือไม่ เพราะคนเราหากรู้ตัวว่าทำผิด จะไม่มีคำกล่าวอ้าง อีกทั้งหลังเกิดเหตุตัวเองยังอยู่บริเวณดังกล่าว ก็ไม่มีการมาขอโทษแต่อย่างใด จึงยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุดไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ย
มีรายงานว่า เดิมคดีนี้พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในวันจันทร์ที่ 25 มกราคมนี้ แต่เนื่องจากผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่ม จึงต้องสอบปากคำพยาน และรวบรวมหลักฐานเพิ่มให้ครบถ้วนรอบด้าน ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ ตำรวจยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.