"ขวัญชัย ไพรพนา" ประธานชมรมคนรักอุดร อดีตแกนนำเสื้อแดง มองการ "ชุมนุมคณะราษฎร" ไม่ยืดเยื้อ และไม่ชนะ เปรียบเหมือน "ขว้างไข่ใส่หิน" เตือนอย่าแตะสถาบัน แนะหากตั้งประเด็นเดียว ไม่เอา "ประยุทธ์" คนจะไปร่วม มืดฟ้ามัวดิน
วันที่ 14 ตุลาคม 2563 ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิรตซ์ หมู่ 11 ต.สามพร้าว อ.เมือง นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มคณะราษฎร ชุมนุมที่กรุงเทพฯ ในขณะนี้ว่า ช่วงนี้ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยตลอด เห็นใจบรรดานักเรียนนักศึกษาเด็กรุ่นใหม่ เขามีความตั้งใจดีที่จะออกมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ทางที่ดีขึ้น แต่มันก็มีบทเรียนมาแล้ว คือเราดูสถานการณ์แล้วมันไม่เอื้อเลย โอกาสที่ชนะฝ่ายผู้มีอำนาจลำบากเหลือเกิน ทุ่มเทไปก็เท่านั้น มากันมากเท่าไรก็สู้อะไรไม่ได้ เพราะเขามีทั้งอำนาจ มีทั้งอาวุธ มีทั้งทุน สารพัด เราต้องใช้หยาดเหงื่อแรงงานของเราเอง ลำบาก ดูการต่อสู้สมัยนี้ยากมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพการชุมนุมวันนี้กับสมัยคนเสื้อแดงแตกต่างกันอย่างไร นายขวัญชัย กล่าวว่า ความแตกต่างของการชุมนุมระหว่างอดีตและปัจจุบัน จะแตกต่างกันที่หัวจิตหัวใจ ความตั้งใจของคนเสื้อแดงในยุคนั้น มันมีทั้งความเสียสละ ออกมาเรียกร้อง ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ความยุติธรรม สังเกตได้จากการดูข่าวคราวของคนอุดรมาตลอดว่า เวลาเราเคลื่อนไหวแต่ละที จะมีข้าวสารอาหารแห้งไปกันเต็มรถเต็มรา รถบรรทุก 2 คันขนไป นั่นคือความเสียสละของประชาชน ค่ารถคนละ 400-500 บาท เขาก็บริจาคกันได้ ไปกันที 20 คันรถทัวร์ ค่ารถ 7-8 แสน เราก็หาได้ โดยใช้เงินจากประชาชน นั่นคือความเสียสละจริงๆ มันจึงมีพลัง
...
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า ลักษณะการชุมนุมวันนี้ คงจะไม่ยืดเยื้อ เพราะน้ำอดน้ำทนมันไม่เหมือนกัน นักศึกษาก็ต้องมีเวลาไปร่ำเรียน โอกาสที่จะมาทำเหมือนคนเสื้อแดงคงลำบาก คนรากหญ้าอย่างพวกเรามันเจ็บปวดรวดร้าวกันมาเยอะ มันอดทนกันมามากแล้ว ถึงเวลาที่จะเสียสละเพื่อบ้านเมือง พวกเราออกมาด้วยความพร้อมใจกัน พร้อมจะเสียสละทั้งทุนทรัพย์ส่วนตัว ทั้งเวลา นี่ความความแตกต่างที่คนเสื้อแดงเราทำมา
เมื่อถามว่า การใช้ประเด็นเรื่องของสถาบัน คนเสื้อแดงที่มีเข้าไปร่วมชุมนุมด้วย จะเข้าใจไหม นายขวัญชัย ตอบว่า คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว ที่ไปก็มีบางส่วนเท่านั้นแหละ บางทีอาจจะมีคนไม่เต็มใจในเรื่องนี้ แต่ไปร่วมงานเฉยๆ แต่ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลง 3 หัวข้ออะไรต่างๆ นั้น ตนว่ามันเกินไป สิ่งเหล่านี้เราพูดกันมานานแล้ว ทั้ง นปช.ก็พูดมาแล้ว มีจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ควรไปแตะต้อง ไม่ควรไปก้าวล่วง เป็นแนวทางอยู่แล้วคนเสื้อแดงที่อุดรธานีเป็นอย่างนี้มาตลอด เราทำมาหากิน เรารู้จักกาลเทศะ อะไรควรไม่ควรเรายอมรับมาโดยตลอด
“เราจะเคลื่อนไหวอะไรต่างๆ เราต้องมั่นใจว่าเรามีคำตอบให้กับสังคมได้ นี่จึงเป็นประเด็นที่ทำให้คนน้อยลง ไม่อย่างนั้นคนจะมากกว่านี้ เอาจุดเดียว ประเด็นเดียวเลยว่าเราไม่เอาประยุทธ์เท่านั้นคนออกมามืดฟ้ามัวดิน ประชาชนคนอุดรนี่เป็นแสนครับ กล้าพูดได้เลย ถ้าหากเป็นอย่างนี้ ผมอาจจะกลับเข้ามาร่วมช่วยนักศึกษาด้วย แต่ประเด็นอื่นเข้ามาต่อยอดอย่างนี้ ทำให้เราเสี่ยงเกินไปที่จะออกไปชุมนุม”
ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวฝากว่า ขอฝากลูกหลานด้วยว่า การต่อสู้เหมือนการ “ขว้างไข่ใส่หิน” เราไม่มีโอกาสชนะเลย เพราะฉะนั้นอยากให้อยู่ในขอบเขตอยู่ในวงจำกัด อย่าขยายความไปมาก โดยเฉพาะสถาบันอย่าไปแตะต้อง เราเกิดมาก็รู้จักแล้วว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นคือสิ่งที่เราจะยึดมั่นเอาไว้ ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มันชัดเจนอยู่แล้ว คนไทยทุกคนเขาออกมาพูดกัน อายุเกือบ 100 ปี อายุ 70-80 ปี เขาก็ปลูกฝังให้ลูกหลานของเราจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ เชื่อว่าอยู่ในสายเลือดคนไทยไปแล้ว