เผย ผบ.ตร.กำชับตำรวจดูแลคดี เด็กหญิง ป.6 ที่บุรีรัมย์ ถูกครูพละในโรงเรียนข่มขืน บังคับให้กินยาคุม ผู้ต้องหาได้ประกันตัว ก่อนที่แม่เด็กจะร้องขอความคุ้มครอง ต้องย้ายหนีข้ามอำเภอ หลังถูกคุกคามจากครูร่วมโรงเรียนผู้ต้องหา
วันที่ 20 ก.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สื่อนำเสนอข่าว “ครูพละข่มขืนนักเรียนหญิงชั้น ป.6 แถมซื้อยาคุมฉุกเฉินให้กิน ขู่ถ้าบอกใครจะฆ่าล้างโคตร เพื่อนครูเจรจาแถมข่มขู่ให้จบเรื่อง” เหตุเกิดที่ อ.นางรอง จ.บุรีรีมย์ ซึ่งแม่เด็กได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน หลังรู้สีกว่าตัวเองถูกคุกคามจากครูร่วมโรงเรียนของครูพละคู่กรณี
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับรายงานจาก สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ผู้ปกครองผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่กระทำชำเราผู้เสียหาย เหตุเกิดภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.นางรอง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยในวันที่ 30 มิ.ย. ผู้ต้องหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนฯ” พร้อมยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนางรอง ขอฝากขังผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่สื่อได้นำเสนอข่าวว่า เพื่อนครูได้เจรจาแกมข่มขู่ขอให้จบเรื่องนั้น ในวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ปกครองผู้เสียหาย เพื่อมาสอบปากคำในประเด็นนี้ เพื่อขอเพิกถอนการประกันตัวในชั้นศาล พร้อมทั้งได้จัดสายตรวจตำบล ไปดูแลความปลอดภัยผู้ปกครองและผู้เสียหายต่อไป ประกอบกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงในคดีมาประกอบคดีเป็นสำคัญ
...
รองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน ในการใช้ความระมัดระวังในการเปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวและเอกลักษณ์ของเหยื่อที่เป็นเด็ก เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ ภาพและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหาย ส่งผลกระทบในด้านต่างๆ สภาพจิตใจ ถูกสังคมและคนรอบตัวรื้อฟื้นหรือตอกย้ำเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยมั่นคงของผู้เสียหายต่อไป
สำหรับเรื่องนี้ ได้มี น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี แม่ของเด็กวัย 12 ปี แจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ลูกสาวมีอาการผิดปกติ ปวดท้องน้อย ไม่กินข้าว ไม่พูดกับใคร ตนก็หายาให้กิน
ระหว่างที่ลูกนอนซมอยู่นั้น ตนได้มีโอกาสไปดูโทรศัพท์ของลูก ถึงกับตกใจเพราะมีข้อความของครูบอย อายุ 33 ปี เป็นครูอัตราจ้าง เป็นครูสอนพละและสุขศึกษาในโรงเรียน คุยกับลูกสาวว่า "อย่าลืมกินยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อไปให้" และอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด เพราะครูจะต้องโดนไล่ออก และถ้าเอาไปบอกใครครูจะฆ่าล้างโคตร นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายข้อความที่ตนรับไม่ได้ ที่ครูจะคุยกับเด็กเพียงแค่ ป.6
โดยหลังเกิดเหตุตนก็ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.นางรอง จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เรียกไปพบทั้งหมด โดย ครูบอย ไม่พูด และยอมรับสารภาพ แล้วมากราบขอโทษ
กระทั่งตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาครูบอย โดยมีคนมาประกันตัวครูบอย ที่ศาลจังหวัดนางรอง แต่หลังจากนั้นได้มีครูในโรงเรียน 2-3 คน มาพูดคุยที่บ้าน เพื่อมาขอเจรจาคล้ายเหมือนข่มขู่ ขอให้ยุติเรื่องราวทั้งหมด แต่ตนไม่ยอม
จากนั้น ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า เพราะครูบอย เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว แต่ก็รอดพ้นมาได้ จึงตัดสินใจย้ายลูกสาวออกจากโรงเรียน และย้ายครอบครัวมาอยู่กับญาติที่ อ.ประโคนชัย จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย