กู้ชีพอุบลฯ ระอุ โพสต์พฤติกรรมหนุ่มโรงไม้ ผลักเจ้าหน้าที่กู้ชีพขณะทำการปั๊มหัวใจผู้บาดเจ็บสาหัสในรถพยาบาล โวยเจ้าหน้าที่ทำงานช้า
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 12 มิ.ย.63 ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนต้นไม้ ใกล้เคียงจุดกลับรถหมูยอแม่ฮาย ถนนแจ้งสนิท (ขาเข้า) ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชชธานี มีผู้บาดเจ็บอาการสาหัสอยู่ที่เกิดเหตุ จึงได้สั่งการหน่วยกู้ชีพมูลนิธิศิษย์พระจี้กงอุบลราชธานี กู้ชีพคุณธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่ในพงหญ้าข้างทาง ใกล้กันพบ ร่าง นายนันทวัฒน์ ทัดเทียม อายุ 19 ปี นอนหมดสติ ไม่มีชีพจร เจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงได้นำร่างนายนันทวัฒน์ขึ้นมาจากข้างทางเพื่อทำการปั๊มหัวใจ และประสานขอรถพยาบาลกู้ชีพองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี Advanced Life Support หรือ ALS สนับสนุนที่เกิดเหตุ

เมื่อรถพยาบาล ALS ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ทำการเคลื่อนย้ายนายนันทวัฒน์ไปขึ้นบนรถปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง กู้ชีพ อบจ. โดยมีพยาบาลเฉพาะทางเวชปฏิบัติฉุกเฉิน พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ทำการช่วยชีวิตขั้นสูง ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ พยาบาลเฉพาะทางเวชปฏิบัติฉุกเฉิน ตรวจประเมินอาการผู้บาดเจ็บ จึงทำหัตถการพิเศษเพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ โดยการใส่ท่อช่วยหายใจทางปากผ่านหลอดลม การเจาะระบายเลือดในช่องช่วงอกออก โดยมีเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ทำการปั๊มหัวใจ พยาบาลวิชาชีพอีกท่านทำหน้าที่ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ยาฉุกเฉินเพื่อช่วยกระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้น
...
ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพกำลังทำหัตถการอยู่บนรถ มีชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีชมพู อ้างตัวเป็นคนรู้จักทำงานด้วยกัน เปิดประตูด้านท้ายรถพยาบาลแล้วผลักเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่กำลังช่วยเหลือนายนันทวัฒน์ออกจากการช่วยเหลือ โดยโวยวายว่าเจ้าหน้าที่ทำงานช้า ไม่รีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ทำให้ขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพต้องหยุดชะงักไปประมาณ 10 นาที ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ชีพหลายคนจะช่วยกันพาตัวชายคนนี้ลงจากรถ
แต่ชายเสื้อชมพูยังไม่ยอม กลับขึ้นไปในรถอีกครั้งโดยพูดว่า “มันตายแล้ว” กระทั่งตำรวจเดินทางมาถึงและเข้าระงับเหตุจึงสามารถนำตัวนายนันทวัฒน์ส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี แต่นายนันทวัฒน์เสียชีวิตในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่กู้ชีพรายหนึ่งเปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องร้ายแรงในการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บที่ถูกบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องขัดขวางการทำงานจนไม่สามารถจะปฏิบัติงานได้ สำหรับผู้บาดเจ็บรายนี้อาการแรกรับจะไม่หายใจ ไม่มีชีพจร แต่เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้พิจารณาแล้วยังมีโอกาสที่จะช่วยฟื้นคืนชีพได้ด้วยทีมกู้ชีพระดับสูง เครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้ต้องขอรถสนับสนุนจากทีมรถพยาบาล Advanced ในการช่วยฟื้นคืนชีพ
ยืนยันทั้งหมดมีการทำงานเป็นกระบวนการและขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล อาทิ การใส่ท่อช่วยหายใจ การทำ CPR การให้สารน้ำกระตุ้นหัวใจ ทั้งหมดนี้จะทำได้ดีและมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในพื้นที่มั่นคงแข็งแรง การใส่ท่อช่วยหายใจในขณะรถเคลื่อนที่สามารถทำได้แต่ยาก การทำหัตการขณะที่รถเคลื่อนตัวอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ เจ้าหน้าที่จึงเป็นความจำเป็นต้องเตรียมผู้บาดเจ็บให้อาการคงที่มากที่สุดก่อนจะทำการเคลื่อนย้าย
ทั้งนี้อุปกรณ์ในรถพยาบาล Advanced สามารถช่วยชีวิตไม่ต่างจากห้องฉุกเฉินหรือเรียกรถพยาบาล Advanced เป็นห้องฉุกเฉินเคลื่อนที่ พฤติกรรมของชายดังกล่าวถือเป็นภัยต่อผู้บาดเจ็บและเจ้าหน้าที่กู้ชีพผู้ปฏิบัติงานอย่างมาก ทั้งนี้การเสียเวลาไปนานกว่า 10 นาที อาจจะเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถช่วยฟื้นคืนชีพก็เป็นได้
หลังจากเกิดเหตุผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ นายเอ (นามสมมติ) ที่ร้านจำหน่ายไม้แปรรูปแห่งหนึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งถูกระบุว่าเป็นชายเสื้อสีชมพูที่ก่อเหตุ แต่ไม่พบตัวและไม่สามารถติดต่อได้ และยังไม่พบว่ามีหน่วยงานใดเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชายดังกล่าวหรือไม่ ส่วนศพของนายนนทวัฒน์ ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ.