เรื่องเศร้าสลดเกิดขึ้นต่อเนื่อง กรณีเด็กเล็กหายถูกพบกลายเป็นศพ ทั้งถูกฆาตกรรม เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต และล่าสุด “น้องชมพู่” เด็กหญิงน่ารัก วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านในพื้นที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ผ่านไปกว่า 4 วัน พบร่างไร้วิญญาณในสภาพเปลือยอยู่กลางป่า ห่างจากบ้าน 2.5 กิโลเมตร

  • ในเรื่องคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งคลี่คลายว่าเกิดจากสาเหตุใด หรือใครทำให้เสียชีวิต เพราะพบเสื้อผ้าและรองเท้าแตะของ "น้องชมพู่" กองอยู่ห่างจากที่พบศพประมาณ 4-5 เมตร เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้ การทำร้ายร่างกาย แต่ทำไมเด็กน้อยถึงออกมาไกลจากบ้าน หรือมีใครพาออกไป

  • ย้อนเหตุการณ์ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปลายปี 2561 เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายระดมกำลังกว่า 100 คน และสุนัขกู้ภัย พร้อมทั้งนำพารามอเตอร์ และโดรนขึ้นบินตามหา ด.ช.ซูลุยผิว หรือน้องต้าแง วัย 2 ขวบ ลูกแรงงานชาวพม่ารับจ้างตัดอ้อย หายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะวิ่งเล่นภายในไร่อ้อย ในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กระทั่งผ่านไป 9 วัน พบศพน้องต้าแง แถวบ่อน้ำกลางป่าอ้อย อยู่ห่างจากจุดที่หายตัวไปราว 5 กิโลเมตร

  • หรือกรณี “น้องภาคิน” เด็กชายวัยขวบเศษ หายไปจากบ้านพักภายในไร่มะม่วง ริมคลองชลประทาน ในพื้นที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 และมีการตามหาเข้าสู่วันที่ 9 จนมาพบศพในคลองใกล้บ้าน ซึ่งทั้ง “น้องต้าแง” และ “น้องภาคิน” อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน โดยพ่อและแม่ต่างออกไปทำมาหากินทั้งคู่

...

เหตุเด็กหายเกิดขึ้นซ้ำๆ ด้านนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้ลงพื้นที่ติดตามการหายตัวของ “น้องชมพู่” แต่โชคร้ายเด็กน้อยถูกพบในสภาพไร้วิญญาณ ก่อนที่เขาจะไปถึง โดยกล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ว่า ส่วนใหญ่เด็กเล็กที่หายตัวไปมีแนวโน้มจะพบในสภาพไร้วิญญาณ หลังวิ่งเล่นตามลำพัง ไปเจอทั้งอุบัติเหตุ ถูกคนพาไป ถูกคนทำร้ายฆาตกรรมอำพราง โดยกรณี “น้องชมพู่” ต้องรอผลพิสูจน์ศพ พยานหลักฐานต่างๆ อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่มีการตั้งแง่คนนั้นคนนี้เป็นคนร้ายใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งเป็นการทำร้ายคนที่ถูกตราหน้า

“ขอให้รอผลอย่างเป็นทางการ ต้องแยกให้ออกระหว่างข้อคิดเห็นกับข้อเท็จจริง และกรณีนักสืบออนไลน์ทั้งหลายพยายามค้นหาว่าใครกระทำ เป็นเรื่องอันตรายมาก สิ่งต่างๆ จำเป็นต้องรอ ไม่ใช่วิเคราะห์กันไปก่อน เพราะหากเป็นคดีอาชญากรรมจะต้องมีแรงจูงใจ”

กรณี “น้องชมพู่” ไม่ต่างกับกรณี “น้องต้าแง” แม้มีการพบศพแล้วก็มีข่าวลือย้อนกลับไปที่คนขับรถไถว่าทำให้น้องเสียชีวิต เพราะสภาพศพอยู่ใกล้บ่อน้ำเหมือนแขนหลุด ลักษณะเหมือนถูกรถทับ แต่ท้ายสุดผลชันสูตรออกมาไม่ได้ถูกทำร้าย หรือย้อนไป 5 ปีที่แล้ว เด็กอายุ 3 ขวบในภูเก็ต หายตัวไป 5-6 วัน และไม่ได้เสียชีวิต โดยนอนอยู่ในแอ่งน้ำหลังบ้าน ไม่ได้สวมกางเกง ซึ่งเด็กอาจถอดออกเพื่อถ่ายหรือปัสสาวะก็ได้ อีกอย่างเด็กเล็กไม่สามารถเล่าสิ่งต่างๆ อย่างละเอียดได้ ไม่ใช่ใครออกข่าวก่อนเป็นคนชนะ แต่เป็นความพ่ายแพ้มากกว่า ถ้าไม่มีใครทำอะไรเด็ก ถามว่าใครจะรับผิดชอบสำหรับคนที่ตกเป็นแพะ

หากมองภาพรวมกรณีเด็กเล็กหายตัวต่อเนื่อง ถามว่าผู้ปกครองประมาทเลินเล่อหรือไม่ ก็ไม่จริงเสมอไป เพราะวิถีชีวิตต้องออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงลูก โดยเด็กอาจอยู่กับผู้สูงอายุ หรือให้ลูกคนโตดูแลลูกคนเล็ก อาจมีโอกาสที่จะพลาดได้ที่จะเกิดเหตุร้าย อย่างกรณี “น้องต้าแง” พ่อแม่ออกไปทำงาน ปล่อยให้ลูกวิ่งเล่น จนมากรณี “น้องชมพู่” พ่อแม่ต้องออกไปทำงานเช่นกัน จนเกิดเหตุร้าย และท้ายสุดต้องรอผลพิสูจน์จะเป็นตัวบอกสาเหตุการเสียชีวิตในที่สุด.