สาวโคราชวอนผู้ใจบุญช่วยพ่อหลังป่วยเนื้องอกหน้าขา นอนติดเตียง เผยบ้านยากจน อยากได้แอลกอฮอล์ล้างแผล ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ล่าสุด รพ.สต.กุดพิมาน มอบเตียงคนไข้ และหลวงพ่อทองมา มอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 2 ห่อ
กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ยุทธ'แอ๊บ แล้วไงล่ะ โพสต์ในกลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง ข้อความว่า “เสียเวลาอ่านสักหน่อยนะคะ พอดีอยากขอรับบริจาคหน่อยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า พ่อหนูป่วยติดเตียงค่ะ แผลที่อยู่ในรูป เป็นแผลกดทับค่ะ ตัวหนูเองก็เพิ่งลาออกจากงานมาดูแลพ่อ มีลูกด้วยอีก 2 คนค่ะ #ตอนนี้ต้องการแพมเพิร์สคนโตกับยาแอลกอฮอล์ล้างแผลมากๆค่ะ เพราะว่าไม่มีเงินไปซื้อค่ะ บางที่ก็ใช้เจลล้างมือล้างแผลให้พ่อค่ะ ไม่ขออะไรมากค่ะขอแค่แพมเพิร์สกับยาล้างแผลก็พอค่ะ ขอวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือหน่อยนะคะ ที่เห็นขาวๆ เอาแป้งทาให้พ่อค่ะ มีรูปใต้โพสต์อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ บ้านหนูอยู่จังหวัดนครราชสีมา ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ชื่อหมู่บ้านถนนหักใหญ่ค่ะ” พร้อมกับมีภาพชายคนไข้นอนติดเตียงแคร่ไม้เก่าๆ ในห้องพักโกโรโกโส ร่างกายผมซีดเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มองเห็นซี่โครง น่าสงสาร อีกทั้งให้เลขบัญชีไว้ท้ายโพสต์ด้วย
...
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้หาพิกัดและเดินทางไปตามที่อยู่ดังกล่าว พบว่าเป็นบ้านไม่มีเลขที่ อยู่ในไร่ท้ายหมู่บ้านโนนสง่า หมู่ที่ 2 (ติดกับหมู่บ้านถนนหักใหญ่) ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งสภาพบ้านเป็นเพิงหมาแหงน ขนาดกว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณไม่เกิน 10 เมตร มุงด้วยสังกะสี กั้นผนังด้วยอิฐบล็อกผสมสังกะสีเก่าและผ้าใบเก่ารอบบ้าน มองภายนอกสภาพทรุดโทรม ด้านหน้ามีผนังกั้นนิดหน่อย ไม่มีประตูเปิด-ปิด ด้านในแบ่งเป็นห้องโถง พื้นปูนซีเมนต์และพื้นดินแข็งๆ ส่วนด้านหลัง มีกรนำกระเบื้องแผ่นเรียบมากั้นเป็นห้อง 3 ห้อง
ที่ด้านท้ายของเพิงถูกกั้นเป็นห้องกันด้วยแผ่นไม้และสังกะสีเก่าผุพัง ยกพื้นสูงประมาณ 50 ซม. ปูพื้นด้วนไม้ยูคาลิปตัสต้นเล็กๆ คล้ายแคร่ไม้ไผ่ โดยมีร่างของนายวีระชน เสิงขุนทด อายุ 41 ปี นอนบนเบาะเก่าๆ สภาพสวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ตัวเดียว มองเห็นร่างผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ซี่โครงสองข้างเป็นซี่ๆ ที่ง่ามขาซ้ายมีเนื้องอกปูดโปนขึ้นมาก้อนใหญ่ เห็นชัดเจน และท่อนขาบวมเบ่ง ขณะที่ขาขวาลีบเรียว ด้านหลังและก้น มีแผลกดทับหลายจุด เกิดจากการนอนติดเตียงนานๆ ขยับร่างกายไม่ได้ พูดไม่ได้ แต่รับรู้ทางสายตา กินได้เฉพาะอาหารเหลว เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำและนม แต่ต้องค่อยๆ กรอก มีนางสาวสุดารัตน์ เสิงขุนทด อายุ 18 ปี ลูกสาว คอยดูแล
ขณะเดียวกัน ได้มีหลวงพ่อทองมา อคคฺธมฺโม เจ้าอาวาสวัดป่าดอนใหญ่ ต.กุดพิมาน ทราบข่าวจากเฟซบุ๊กได้ชักชวนลูกศิษย์จาก อ.เมืองนครราชสีมา นำแพมเพิร์สมามอบให้ 2 กล่องใหญ่ พร้อมทั้งเงินสดที่ยื่นให้ น.ส.สุดารัตน์กับมือ คนละ 500-1,000 บาท และในเวลาเดียวกันนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่จาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) กุดพิมาน นำเตียงคนไข้แบบที่ใช้ในโรงพยาบาล มามอบให้อีก 1 เตียง โดยตั้งไว้ที่ห้องโถงบนพื้นปูนซีเมนต์ และมีการช่วยกันอุ้มคนไข้มานอนบนเตียง เพื่อความสะดวกสบาย ท่ามกลางความปลาบปลื้มของ น.ส.สุดารัตน์ เป็นอย่างมาก
น.ส.สุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนอยู่กับบิดามาตั้งแต่ยังเล็ก พอแม่คลอดได้ 2 ปี แม่ก็หนีพ่อไปมีครอบครัวใหม่ อยู่ที่ กทม. โดยไม่กลับมาอีกเลย พ่อจึงเป็นคนเลี้ยงดูตนจนเติบโต จนต่อมาได้แยกไปมีสามี และมีลูกชาย อายุ 2 ขวบครึ่ง และลูกสาว อายุ 10 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ พ่อได้พาตนและลูกเขย ไปประกอบอาชีพรับจ้างเฝ้าบ่อปลา ที่ อ.วังม่วง จ.สระบุรี ส่วนตนทำงานโรงงาน โดยฝากลูกคนเล็กให้ปู่และย่า เป็นผู้เลี้ยงดูที่บ้านหลังปัจจุบันนี้ จนกระทั่งประมาณกลางปี 2562 พ่อเริ่มมีอาการผิดปกติ มีก้อนเนื้อขึ้นที่หน้าขาซ้ายก้อนเล็กๆ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร ก็ไม่เอะใจไม่ไปหาหมอและไม่บอกตนหรือญาติ ก็ยังรับจ้างทำงานปกติ จนก้อนเนื้อเริ่มใหญ่ขึ้นจึงบอกตนและปู่กับย่า จากนั้นพ่อได้ลาออกจากงานกลับมาอยู่กับนายหลอด-นางทอง ผู้เป็นพ่อแม่ โดยมีแม่เป็นคนดูแล ที่บ้านหลังปัจจุบัน (ซึ่งเป็นเพิงพักในที่ดินของผู้อื่น) ส่วนตนและสามี ยังทำงานอยู่ที่เดิม
...
บุตรสาวของนายวีระชน กล่าวต่อว่า จนกระทั่งช่วง ต.ค.2562 พี่สาวของพ่อเริ่มพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลด่านขุนทดเพราะก้อนเนื้อที่ขามีอาการใหญ่ผิดปกติและเดินลำบาก หมอได้ทำการตรวจรักษาแต่ไม่ได้แจ้งผลการตรวจว่าเป็นอะไร ได้แต่บอกให้กลับบ้านพร้อมกับมีใบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จึงได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังกล่าว หมอก็ทำการตรวจรักษาตามปกติ และให้กลับบ้านโดยไม่มียาอะไรให้กิน และไม่แจ้งผลการรักษาว่าเป็นโรคอะไรและนัดครั้งต่อไป
น.ส.สุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ในครั้งที่สองที่พ่อไปรักษา พี่สาวพ่อพาไปด้วยความยากลำบาก เงินก็ไม่มีเดินทางก็ไม่สะดวก แต่ก็เดินทางไปรักษาเพราะตนส่งเงินมาให้บ้างเป็นครั้งคราว ในการตรวจรักษาครั้งนี้ทางโรงพยาบาลมหาราชฯ ได้ฉายรังสีแต่ยังไม่แจ้งผล และนัดให้ไปใหม่ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว 15,000 บาท แต่พ่อไม่ได้ไปรักษาต่อเนื่องตามที่หมอนัด เพราะไม่มีเงิน อาการของพ่อจึงหนักขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน 2563 เกิดอาการเดินไม่ไหว พูดไม่ได้ ได้แต่นอนอย่างเดียว ตนจึงลาออกจากงานมาดูแลพ่อ เพราะปู่กับย่า ดูแลไม่ไหว ไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องดูแลหลานน้อยอีก 2 คน
...
บุตรสาวของนายวีระชน กล่าวด้วยว่า สุดท้ายตนก็ต้องดูแลพ่อตามสภาพที่เห็น จนเงินหมด สามีทำงานคนเดียว ก็ไม่พอใช้ในครอบครัว นับวันพ่อยิ่งผอมลงทุกวัน แม้แต่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ก็ไม่มีจะใส่ ยังมาเกิดแผลกดทับ ต้องซื้อยาและแอลกอฮอล์มาทำแผลเอง ยอมรับว่าทำไปไม่ถูกสุขลักษณะอนามัยนัก แผลจึงหายยาก เมื่อถึงทางตัน ตนจึงตัดสินใจลงโพสต์เฟซบุ๊ก โดยขอบริจาคแค่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่กับยารักษาแผลกดทับให้พ่อ โดยผู้ใจบุญสามารถบริจาคสิ่งของได้ที่บ้านของตน หรือโอนเงินแล้วแต่ศรัทธา เข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวังม่วง บัญชีเลขที่ 020171591111 ชื่อบัญชี นางสาวสุดารัตน์ เสิงขุนทด.