รวบแล้ว “ไอ้นพ” ผู้ต้องขังชาย ที่ร่วมก่อเหตุจลาจลเผาเรือนจำ บุรีรัมย์ หลังคุกแตกเผ่นหนีไปได้ ไม่ไกล เจอตะครุบได้ ขณะซ่อนตัวข้างพุ่มไม้ริมถนน อ้างมีขาใหญ่เป็นคนวางแผน “รมว.ยุติธรรม” แฉหัวโจกนักโทษที่ก่อหวอด เป็นคนสมองดี เข้าออกคุกตั้งแต่เด็กจนโต ก่อนถูก ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต วางเกมปลุกปั่นเพื่อนนักโทษให้หวาดกลัวโควิด-19 โดน ผบ.เรือนจำจับตาดูหลังคนมีสีมาเยี่ยมถี่ เผยมูลค่าเรือนนอน 3 หลังที่ถูก เผาวอด ตกหลังละ 20 ล้านบาท
เหตุจลาจลเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มนักโทษหัวโจกกว่า 100 คน จุดไฟเผาเรือนนอน โรงเลี้ยง โรงฝึกอาชีพ ทุบทำลายห้องเยี่ยมผู้ต้องขังและทุบกำแพงหลบหนี มีผู้ต้องขังชายหนีออกไปได้ 11 คน จับกลับมาได้ 10 คน ยังเหลืออีก 1 คน เหตุเกิดสายวันที่ 29 มี.ค. กลุ่มผู้ก่อเหตุอ้างแหกคุกเพราะกลัวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 31 มี.ค. พ.ต.อ.อัษฎไนย ป้องกัน ผกก.สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.มานิตย์ สร้อยจิตร รอง ผกก.ป.ชป.ปส.ภ.จ.บุรีรัมย์ พร้อมกำลังตำรวจ และฝ่ายปกครอง อ.คูเมือง สนธิกำลังร่วมกันไล่ล่าจับกุมผู้ต้องขังชายธัณยพงศ์ หรือนพ สินพูน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 5 บ้านโนนเมือง ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องขังที่ร่วมกันก่อเหตุจลาจลและหลบหนีออกจากเรือนจำ ต่อมามีผู้แจ้งพบบุคคลต้องสงสัยสภาพไม่สวมเสื้อมีลายสักเต็มตัว นุ่งกางเกงขาสั้นเดินอยู่ละแวกบ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ ห่างจากจุดที่ ข.ช.ธันยพงศ์จอดรถ จยย.และถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ราว 3 กม. ชุดจับกุมปูพรมค้นหากระทั่งพบตัว ข.ช.ธันยะพงศ์แอบซุกอยู่ข้างพุ่มไม้ริมถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง ในสภาพอิดโรย คุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.คูเมือง
...
ข.ช.ธันยพงศ์ให้การอ้างว่า วันเกิดเหตุร่วมกับกลุ่มผู้ต้องขังทุบกำแพงและตัดกรงเหล็ก ออกมาจากบริเวณช่องทางเยี่ยมญาติของเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วพากันวิ่งหลบหนีข้างกำแพงเรือนจำ อ้อมไปทางด้านหลังเรือนจำ พอไปถึงโรงแรมหรือหอพักได้เข้าไปขโมยเสื้อผ้า และรถ จยย.แยกย้ายกันขี่หลบหนี ระหว่างนั้นตนวิ่งตกลงไปในบ่อระเบิดหินและซ่อนตัวอยู่ถึงเที่ยงคืน ตกดึกปีนขึ้นมาจากบ่อระเบิดหินไปเอารถ จยย.ที่จอดทิ้งไว้บริเวณหอพักของน้องสาวที่หมู่บ้านโคกเขา ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ฝากไว้ก่อนถูกจับ ขี่หลบหนีมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านโนนเมือง
ข.ช.ธันยพงศ์ให้การอ้างอีกว่า ต่อมาช่วงสาย รู้ว่าถูกตำรวจไล่ล่า จอดรถ จยย.และถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ก่อนเดินหลบหนี ซุกซ่อนตัวตามป่าละเมาะและทุ่งนาเรื่อยมา จนถึงหมู่บ้านผักกาดหญ้าช่วงค่ำ และมาถูกจับกุมตัวได้กลางดึก เหตุการณ์จลาจลครั้งนี้มีนักโทษขาใหญ่ในเรือนจำ เรียกตัวพ่อบ้านของแต่ละบ้าน คือขาใหญ่ของผู้ต้องขังแต่ละอำเภอ ไปพูดคุยกันว่าจะแหกคุกในวันที่ 29 มี.ค. วันเกิดเหตุระหว่างนั่งกินข้าวต้ม เห็นเพื่อนนักโทษลุกฮือก่อเหตุจลาจล ตนร่วมกับเพื่อนนักโทษช่วยกันทุบทำลายกำแพงประตู และตัดกรงเหล็กแล้วหลบหนีออกมา
สำหรับ ข.ช.ธันยพงศ์ถูกตำรวจ ชป.ปส.ภ.จ.บุรีรัมย์ จับกุมพร้อมแฟนสาว ที่หมู่บ้านโคกเพชร ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ยึดของกลางยาบ้ากว่า 1,000 เม็ด ยาไอซ์ ปืนพก .357 และกระสุนกว่า 100 นัด ขณะจับกุม ข.ช.ธันยพงศ์ ได้ต่อสู้ขัดขวาง ทำให้ชุดจับกุมบาดเจ็บ 3 นาย นอกจากนี้ ข.ช.ธันยพงศ์เคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาแล้ว และเพิ่งพ้นโทษมาได้เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกจับกุมอีกครั้ง และคดีอยู่ระหว่างขออำนาจศาลฝากขังในชั้นสอบสวน
บ่ายวันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การสอบสวนได้ตั้งคณะกรรมการออกเป็น 2 ชุด คือ 1.สอบสวนผู้ต้องขัง 2.สอบสวนผู้บัญชาการเรือนจำถึงสาเหตุที่เกิด เบื้องต้นทราบว่าหัวโจกนักโทษที่ก่อหวอดเผาเรือนจำบุรีรัมย์คือ นายทีระชัย ชัยยะบัญชร ผู้ต้องขังคดียาเสพติด มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำมีปัญหากับผู้อื่นตลอด มีประวัติตั้งแต่เป็นเยาวชนถูกจับกุมให้อยู่ที่สถานพินิจ เคยติดคุกที่เรือนจำภาคเหนือ ก่อนย้ายมาเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์จนได้รับการปล่อยตัว เมื่อออกไปไม่สำนึกยังทำความผิดซ้ำจนกลับมาติดคุกอีกครั้งที่เรือนจำแห่งเดิม และศาลได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ผู้ต้องขังรายนี้ถือเป็นคนสมองดี คิดแผนปลุกปั่นให้ผู้ต้องขังกลัวโควิด-19 จนเกิดเหตุการณ์เผาเรือนจำขึ้น ผู้บัญชาการเรือนจำได้จับตามาโดยตลอดเพราะพบว่ามีการเยี่ยมญาติถี่ และมีคนมีสีมาเยี่ยมด้วย ชื่อผู้มาเยี่ยมจะปรากฏในชั้นสอบสวนต่อไป
“สำหรับมูลค่าความเสียหายอาคารเรือนนอนที่ถูกเผา 3 หลัง ราคาหลังละประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนจุดอื่นๆที่ถูกทำลายรวมประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บมีไม่มาก เจ็บเพียงเล็กน้อยด้วยการถูกกระจกบาด ไม่มีผู้เสียชีวิต คนที่บาดเจ็บหนักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพียง 1 รายเท่านั้น ส่วนญาติพี่น้องที่มีความกังวลในการย้ายผู้ต้องขังว่าไปอยู่ที่ใดบ้าง ให้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์หรือติดต่อไปยังเทศบาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่เป็นศูนย์แจ้งว่าผู้ต้องขังอยู่ที่ไหนบ้าง และอีกช่องทางคือเฟซบุ๊กของกรมราชทัณฑ์” นายสมศักดิ์กล่าว