สาวอุดรฯ ตัดพ้อชีวิตเที่ยวญี่ปุ่นกลับมาไม่ได้กักตัว จนเพื่อนบ้านหวาดระแวงโควิด-19 คนในโซเชียลรุมด่า ไป รพ.ขอตรวจโควิด-19 ไม่ได้ ด้านแพทย์ยันเลยช่วงกักตัวแล้ว ไม่เข้าข่าย แนะไปทำความเข้าใจกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 ว่าศูนย์ปฏิบัติการโต้ตอบภาวะฉุกเฉิน สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี รายงานการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 “โควิด-19” ยืนยันไม่พบผู้ป่วยหรือติดเชื้อ มีผู้เข้าเกณฑ์มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีไข้เข้ารับการตรวจเสมหะรวม 48 ราย รู้ผลแล้วไม่พบเชื้อ 48 ราย ส่วนการเฝ้าระวังผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ก่อน 8 มีนาคม 63 เพิ่มขึ้นเพียง 24 คน รวมเป็น 928 คน เข้าระบบการกักตัวอยู่ที่บ้านผ่าน 14 วัน 305 คน และยังมีผู้ที่ยังอยู่ระหว่างกักตัวที่บ้านอีก 623 คน

ส่วนผู้เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หลังวันที่ 8 มีนาคม 63 ได้รับการกักตัวเฝ้าดูอาการ ผู้หญิงที่ กก.ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ, ผู้ชายที่ค่าย อส.อุดรธานี จากเดิมมี 11 คน ได้รับการส่งต่อไปที่ จ.หนองคาย 1 คน วันนี้มีแผนส่งตัวมาที่อุดรธานีอีก 14 ราย และยังมีผู้ที่จะถูกส่งตัวต่อไปที่ จ.หนองบัวลำภู และนครพนม โดยวันนี้เป็นวันแรกที่ “กลุ่มเชฟจิตอาสาอุดรธานี” ได้เข้ามาเปิดครัวและปรุงอาหาร ให้ผู้ถูกกักตัวและเจ้าหน้าที่

เมื่อเวลา 12.30 น. วันเดียวกันที่ สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ชาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ได้เข้าพบนายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี ที่ห้องทำงาน สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอการตรวจสุขภาพตัวเอง หลังเดินทางไปท่องเที่ยวไต้หวัน และญี่ปุ่น และถูกสังคมโซเชียลด่าทอ เพื่อนบ้านหวาดระแวง อยากได้หลักฐานไปยืนยันว่าไม่ได้ป่วย

...

น.ส.พลอย ชี้แจงว่า ช่วงต้นปีเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน 14 วัน กลับถึงไทยวันที่ 9 ก.พ.63 ครั้งที่สองไปญี่ปุ่น 5 วัน 19-23 ก.พ.63 พักอยู่กรุงเทพฯ 1 คืน ก่อนจะกลับถึงสนามบินอุดรธานี วันที่ 25 ก.พ.63 ระหว่างการต่อเครื่องบินของสนามบินทุกแห่ง ก็ถูกตรวจโรคอย่างเข้มงวด มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ยอมรับว่าก่อนเกิดเรื่องถูกโจมตีผ่านโซเชียล ไม่มีความรู้เท่าที่ควร จึงไม่มีการกักตัวเองที่บ้าน ยังเดินทางไปสถานที่ต่างๆ แต่ในช่วงกว่า 7 วันที่ผ่านมา ได้ข้อมูลมากยิ่งขึ้น

“สื่อโซเชียลด่าทอด้วยคำหยาบคาย ครอบครัวไม่สบายใจมาก ที่บ้านอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ ญาติพี่น้องรวม 8 คน ไปไหนมาไหนก็ถูกสังคมรังเกียจ ใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้ จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.วังสามหมอ คนที่เราแจ้งความก็นิ่งเฉย ไม่ยอมลบหรือแก้ไข ได้ไปพบแพทย์ที่ รพ.วังสามหมอ ก็อธิบายและให้กำลังใจ แต่ก็ไม่สามารถออกใบรับรองแพทย์ให้ได้ จึงเดินทางมาพบสาธารณสุข จ.อุดรธานี” สาวอุดรธานีที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น กล่าว

นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี อธิบายเรื่องการตรวจหาไวรัสโคโรนา 2019 ว่า เรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” มีแนวทางการปฏิบัติชัดเจน คือ ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ในต่างประเทศอาจจะมีขั้นตอน แต่มาถึงประเทศไทยทุกคนต้องผ่านการตรวจ หากมีไข้ก็จะต้องรับการตรวจเชื้อ ยืนยันความถูกต้อง 2 ครั้ง หากไม่มีไข้ก็ต้องกักตัว 14 วัน ช่วงแรกก็กักตัวที่บ้าน ช่วงนี้การกักตัวมี 2 ส่วน คือส่วนที่มาจากพื้นที่ระบาด และมาจากพื้นที่เสี่ยง

"สำหรับกรณีที่ประชาชนมาพบแพทย์ ขอตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทางราชการคงดำเนินการให้ไม่ได้ เพราะไม่เข้าข่ายมีคุณสมบัติ หากเดินทางเข้ามาวันแรก ก็จะเข้าข่ายการกักตัว 14 วัน แต่การเดินทางมาเข้าประเทศ มาตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.63 จนถึงวันนี้เกินกว่า 14 วันแล้ว แนะนำให้ไปทำความเข้าใจกับเพื่อนบ้าน หรือกับผู้ที่มีความขัดแย้ง ซึ่งโรงพยาบาลในพื้นที่ก็พยายามช่วยดูอยู่" รองนายแพทย์ สสจ.อุดรธานี กล่าว

น.ส.พลอย กล่าวด้วยว่า สบายใจขึ้นบ้างเมื่อมาที่ สสจ.อุดรธานี เข้าใจในหลักการต่างๆ แล้ว หมอก็ระบุว่าพ้นช่วงเฝ้าระวัง ร่างกายตัวเองก็แข็งแรงดี รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ครอบครัวบอกว่าเราถูกหนักมาก จนไม่ต้องการจะไปขอโทษอะไรใคร สังคมเขาลงโทษและตัดสินไปแล้ว มาวันนี้ต้องการตรวจร่างกาย อยากยืนยันว่าไม่ได้ป่วย อยากใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม จากนี้ก็จะหาทางชี้แจงทุกทางที่ทำได้.