ตำรวจเลย เหยื่อโครงการรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ “ผู้การสุทิพย์”สูญ 240 ล้าน เปิดหน้าท้าชนผู้บังคับบัญชา หลังผ่าน 2 ปี คดีไม่คืบ รวมตัวฟ้องสหกรณ์ 7คน หวังจะได้เงินมาบ้าง ตอนนี้ "โดนขู่" ถอนฟ้องไปแล้ว 4 ยังเหลือ 3 ขอสู้ต่อ ถึงโดนให้ออก ไล่ออกก็ยอม

สืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2560 มีข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดเลย 196 ราย ถูก พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ชวนเข้าโครงการบริหารหนี้ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย สุดท้ายไม่ได้เงินคืน สูญเงินไป 240 ล้านบาท ทำให้ตำรวจหลายคน ถูกสถาบันการเงินฟ้องยึดบ้าน ยึดรถ จนต้องไปหารายได้พิเศษ เข็นของขายและเก็บของเก่าขาย เพื่อประทังชีวิต บางรายเกิดความเครียดถึงขั้นเสียชีวิต เวลาผ่านไป 2 ปี คดีไม่มีความคืบหน้า เงินก็ยังไม่ได้คืน

ล่าสุด เวลา 17.00 น. วันที่ 31 ม.ค.63 ที่บ้านสวน ต.เอราวัณ อ.เอราวัณ จ.เลย ร.ต.อ.ยิ่งยศ จูมจะนะ อายุ 39 ปี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เอราวัณ จ.เลย ร.ต.ท.พันพลัง ประชาโชติ อายุ 55 ปี รอง สวป.สภ.เอราวัณ จ.ส.ต.สามารถ มงคลแสน อายุ 39 ปี ผบ.หมู่ (ป) สภ.เอราวัณ 3 ใน 196 “เหยื่อสุทิพย์” เปิดใจต่อผู้สื่อข่าวถึงโครงการบริหารหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ผ่านมาแล้ว 2 ปี ไม่มีความคืบหน้า ยังไม่มีการสั่งฟ้อง เงินก็ยังไม่ได้คืนสักบาท มีตำรวจ 7 นาย ทนไม่ไหวรวมตัวฟ้องสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดเลย สุดท้ายต้องถอนฟ้องไป เหลือต่อสู้ไม่ยอมถอนฟ้อง 3 นาย พร้อมเปิดหน้าชกอย่างไม่เกรงกลัว จะไล่ออก หรือย้าย ก็พร้อม

...

ร.ต.ท.พันพลัง ประชาโชติ รอง สวป.สภ.เอราวัณ เปิดเผยว่า โครงการรวมหนี้ของสหกรณ์ฯ ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปี ยังไม่ความคืบหน้า จึงได้รวมตัวกับเพื่อน 7 นาย ที่เข้าร่วมโครงการฯ ยื่นฟ้องต่อสหกรณ์ฯ เห็นว่าสหกรณ์ฯ มีส่วนรวมกระทำความผิด สหกรณ์ฯ เป็นนิติบุคคล ตัวแทนนิติบุคคลต้องมาดำเนินการทางกฎหมาย เมื่อยื่นฟ้องไปแล้ว 7คน มีเพื่อนๆ ส่วนหนึ่งถอนฟ้องไปแล้ว จากสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถูกกดดัน ถูกข่มขู่สารพัด รวมทั้งผู้ค้ำประกันก็โดนด้วย เป็นเสียงจากผู้ค้ำประกันเล่าให้ฟัง ส่วนตนเองไม่ได้ถูกเรียกพบ แต่ได้มีตัวแทนของสหกรณ์ฯ ซึ่งไม่ใช่ผู้บริหาร ได้โทรมา ว่าสหกรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ทำไมต้องไปฟ้องสหกรณ์ฯ คนอื่นถอนฟ้องหมดแล้ว คือให้ตนเองถอนฟ้อง แต่อยากจะบอกว่า ยังยืนยันที่จะฟ้อง เพราะไม่มีช่องทางอื่นที่จะได้เงินคืน และเดือดร้อนมาก ตนเองทำงานสารพัดที่เป็นอาชีพที่สุจริต ไม่ว่าค้าขายหรือทำสวน เพื่อลดรายจ่าย จนป่วยกระดูกสันหลังเคลื่อน ลำบากมาก คิดว่าการฟ้องสหกรณ์ฯ เป็นช่องทางที่จะได้ติดตามเอาเงินคืนมาบ้าง เพราะสหกรณ์ฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

“เพราะ เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ผู้จัดการ ประธานสหกรณ์ฯ เป็นผู้ดำเนินการสหกรณ์ฯ แต่จะบ่ายเบี่ยงเมื่อเกิดเรื่อง ให้สหกรณ์ฯซึ่งเป็นนิติบุคคลพ้นจากการรับผิด และไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาพวกเรา เพียงให้คำมั่นสัญญาผ่านไปวันๆไม่มีอะไรดีขึ้น ถึงขั้นนี้แล้วก็พร้อมที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม อยากให้สังคมรู้ว่าขนาดตำรวจยังโดนแล้วชาวบ้านจะโดนกันขนาดไหน พร้อมที่จะสู้ ชนกับผู้บังคับบัญชา และพร้อมที่จะเขียนใบลาออกทันที”

ด้าน ร.ต.อ.ยิ่งยศ จูมจะนะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เอราวัณกล่าวว่า ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว คดีไม่คืบหน้า ผู้เสียหายยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย จึงมีการฟ้องสหกรณ์ฯ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำของสหกรณ์ฯ จึงต้องฟ้องสหกรณ์ฯที่เป็นนิติบุคคล และผู้บังคับบัญชา ที่เป็นประธาน กรรมการ เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง ซึ่งเดิมมีการรวมตัวฟ้องสหกรณ์ฯ ทั้งหมด 7 คน แต่ตอนนี้เหลือ 3 คน เพราะหลังจากที่ 7 คนฟ้องสหกรณ์ฯแล้วก็อยู่ไม่เป็นสุข เนื่องจากสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเลย เป็นระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ดูแลอยู่ และผู้บังคับบัญชาก็พูดมาว่า พวกที่เหลือ 3 คน ที่ไม่ยอมถอนฟ้องสหกรณ์ฯ ให้ไปเข้าพบและให้ถอนฟ้อง ถ้าไม่ถอนฟ้องอาจจะถูกตั้งกรรมการสอบ

"พวกที่ถอนฟ้องไปเพราะยังอยากรับราชการต่อ  และต้องเลี้ยงครอบครัว ส่วนการออกมาพูดถามว่ากลัวไหม ก็ไม่กลัว เพราะมันทนไม่ได้แล้วจริงๆ จะให้ย้าย หรือโดนวินัย หรือไล่ออก ก็ยอม" ร.ต.อ.ยิ่งยศ  กล่าว