ครูสาวอุดรน้ำตาตกใน เอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนครู จากความเมตตา สงสาร เห็นกำลังลำบาก พ่อแม่ก็ป่วย สุดท้ายเบี้ยวจ่าย โดนเจ้าหนี้ตามทวง ฝากเป็นอุทาหรณ์ "ไม่จำเป็นจริงๆ อย่าไปค้ำประกันใคร"
วันที่ 16 มกราคม วันครู ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ครูอ้อย อายุ 48 ปี (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองหาน จ.อุดรธานี ได้ทำหนังสือร้องทุกข์ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หลังได้รับความเดือดร้อนกรณีถูก ครูคนหนึ่ง (ขอสงวนชื่อนามสกุล) สอนอยู่คนละโรงเรียน เข้ามาตีสนิทขอให้ช่วยหานายทุนปล่อยเงินกู้ให้ ตนหลงเชื่อจึงเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันให้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีการส่งเงินต้นและดอก ทำให้ได้รับความเดือดร้อน
ครูอ้อย เปิดเผยว่า คู่กรณีมาขอความช่วยเหลือโดยอ้างว่าบ้านกำลังจะถูกบังคับคดียึด พูดจาหว่านล้อมให้หานายทุนเงินกู้ให้เพื่อนำเงินที่ได้ไปไถ่ถอนบ้าน ด้วยความใจอ่อนและอยากช่วยเหลือเนื่องจากรู้จักกันมาได้สักระยะหนึ่งจึงช่วยเหลือ โดยก่อนช่วยเหลือคู่กรณีได้เคยพาไปดูบ้านที่อำเภอบ้านผือ และพบว่าที่บ้านพ่อก็ป่วยเป็นความดัน แม่ก็ป่วยเป็นเบาหวาน มีเขาเป็นคนดูแลพ่อแม่ เมื่อเห็นแล้วก็มองว่าเขาเป็นคนกตัญญู ประกอบกับตัวเองเป็นคนขี้สงสารจึงได้ช่วยเหลือ
ครูอ้อย กล่าวต่อว่า จากนั้นได้พาเขาไปหาเงินกับนายทุนทั้งในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน โดยใช้ใบที่นาของเขาค้ำประกันให้เราไปติดต่อขอกู้เงินกับนายทุน 2 ราย รายแรกกู้เงินได้ 110,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ใช้ที่นาซึ่งเป็นมรดกมาค้ำประกัน หลังได้เงินมาคู่กรณีได้ส่งดอกเบี้ยประมาณ 8-9 เดือน จากนั้นก็ไม่ส่งอีก นอกจากนี้ ยังพาไปกู้กับนายทุนอีกรายที่อำเภอหนองหาน โดยไปกู้เงินจำนวน 4 แสนกว่าบาท โดยหลักฐานการกู้ตอนนั้นเขาก็ไม่พร้อม เราจึงให้ยืมหลักฐานเป็นที่นาจำนวน 30 ไร่ เพื่อไปค้ำนายทุนคนนี้ โดยคู่กรณีได้ส่งดอกเบี้ยประมาณ 50,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่เคยคืนอะไรให้เลย
...
ทั้งนี้ จากที่เคยสัญญาไว้ว่าจะกู้เงินจะหาเงินมาชดใช้ภายใน 2-3 เดือน เลื่อนมาเป็นวันนี้ก็ผ่านไป 6 ปีแล้ว ซึ่งส่วนตัวแล้วอยากได้เอกสารหลักฐานคืน อยากให้คู่กรณีที่เป็นครูคนนี้มารับผิดชอบหนี้ที่ตัวเองก่อไว้ เพราะขณะนี้สามีได้ล้มป่วยเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเครียดจากเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หากคู่กรณีรับรู้ก็อยากให้เข้ามาแก้ปัญหา เข้ามาเคลียร์ปัญหาที่ตัวเองสร้างไว้ ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 ปีได้พยายามติดต่อ ทั้งไปหาที่บ้านทั้งโทรศัพท์ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
"เคยพูดคุยกับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็อยากจะให้เราร่วมรับผิดชอบเนื่องจากเราเป็นคนพามา แต่เราก็ได้ขอร้องไว้และปฏิเสธว่า เราไม่ได้ใช้เงินในส่วนนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็รับรู้และรู้ว่าเราไม่ได้ใช้เงิน ที่ผ่านมาเจ้าหนี้ได้มาพูดคุยขอให้ทางเราโอนเงินเพื่อเป็นการชดใช้หนี้แทนให้ แต่เราก็ขอเวลาไว้ว่าเราจะประสานคู่กรณีมาทำการชดใช้หนี้ในส่วนนั้นให้ และอยากขอฝากเหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนว่า อย่าเอาความสงสารเมตตามาช่วยเหลือคน ทั้งๆ ที่เกินกำลังตัวเอง เราไม่รู้อนาคตล่วงหน้าว่า คนที่เราช่วยเหลือนั้นเขาจะมีความซื่อสัตย์กับเราแค่ไหน มีสัจจะกับเราแค่ไหน ขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์กับทุกๆ คน สุดท้ายไม่จำเป็น อย่าไปค้ำประกันใครง่ายๆ".