หนุ่มใหญ่ควบเก๋งชนท้ายกระบะ พุ่งอัดเสาไฟกลางทางพลิกคว่ำ ดับ 1 เจ็บ 1 รถเสียหายรวม 5 คัน คนขับเก๋งปัดชนท้าย อ้างกระบะตัดหน้า ค้นรถพบขวดสปาย จับตรวจแอลกอฮอล์ พุ่งปรี๊ดเกินค่า ก.ม.กำหนด

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 27 พ.ย.62 ร.ต.อ.อนุศาสตร์ ขอสุข รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.วารินชำราบ รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้ากลางถนน 5 คัน บริเวณด้านหน้า รพ.วารินชำราบ ถนนศรีสะเกษ ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตติดภายในรถ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน อุบลราชธานี

ที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้อง รพ.วารินชำราบ พบรถยนต์กระบะสีขาว ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน กม 3748 อุบลราชธานี หงายท้องสภาพด้านหน้าพังยับเยิน มี นายคตศิลป์ อกอุ่น อายุ 65 ปี เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ รพ.วารินชำราบ รับตัวไปรักษา ส่วนบริเวณที่นั่งด้านข้างคนขับพบร่าง นางทัษณา อบอุ่น อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ถูกอัดติดหน้ารถเสียชีวิตคาที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้ตายออกมาได้สำเร็จ 

ขณะที่บริเวณถนนด้านหน้า รพ.วารินชำราบ ขาออกมุ่งหน้า จ.ศรีสะเกษ พบรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง หมายเลขทะเบียน กษ 5744 อุบลราชธานี ที่มี นายวิเชียร เกษร อายุ 50 ปี ชาว จ.ยโสธร เป็นผู้ขับขี่ ให้การว่า ตนและลูกชายได้ไปทำธุระที่ช่องตาอูตั้งแต่ตอนเที่ยง ไม่ได้ดื่มสุรามาแต่อย่างใด มีเพียงสปาย 3 ขวด หลังจากเสร็จธุระเดินทางจะกลับบ้านเช่าที่บ้านแหลมทอง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถคู่กรณีออกมาตัดหน้า ตนจึงเบรกไม่ได้ชนท้าย

ด้าน นายคตศิลป์ ผู้บาดเจ็บ ให้การว่า ตนและภรรยากลับมาจากเยี่ยมแม่ยายที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ก็รู้สึกว่ารถถูกชนด้านท้ายจนเสียหลักพุ่งเข้าอัดเสาไฟฟ้ากลางถนน ก่อนจะพลิกคว่ำทำให้ภรรยาเสียชีวิต ยืนยันไม่ได้ขับเร็ว และไม่ได้ออกมาจาก รพ.วารินชำราบแต่อย่างใด

...

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรถที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 5 คัน ซึ่งภายในรถของ นายวิเชียร พบขวดสปายที่ยังไม่เปิด 1 ขวด จึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำตัว นายวิเชียร ไปตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งพบสูงถึง 207 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ขับรถขณะเมาสุราไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นนั้นต้องรอทำการสอบสวนพยานแวดล้อมและคู่กรณีอีกฝ่ายก่อน เพราะขั้นต้นยังให้การไม่ตรงกัน.