ทิพยประกันภัย ยัน "ประกันเงินกู้ครู ช.พ.ค." ช่วยให้พี่น้องครูที่จำเป็นต้องกู้วงเงินสูง ช่วยลดภาระทั้งผู้ค้ำและทายาท เผยจ่ายหนี้แทนไปแล้ว 16,000 ล้าน กรณีผู้กู้เสียชีวิต


ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการจัดเสวนาปัญหาหนี้ครูและพาดพิงถึงโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ในส่วนของบริษัททิพยประกันภัย ที่เข้ารับทำกรมธรรม์ประกันภัยในโครงการ ช.พ.ค. ถึงความไม่โปร่งใส นั้น

บริษัทขอชี้แจงว่า โครงการนี้ได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และธนาคารออมสิน เมื่อปี 2552 ให้เสนอการประกันสินเชื่อให้แก่ ข้าราชการครูในโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ข้าราชการครูเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบที่ถูกต้อง และคิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมในการนำไปชำระคืนหนี้นอกระบบ และเป็นเงื่อนไขที่ดีและได้ประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย

ทั้งนี้ หลักการเดิมของโครงการพัฒนาชีวิตครูให้มีการรวมหนี้ในและนอกระบบทั้งหมดของผู้กู้มาไว้ที่ธนาคารออมสิน โดยข้าราชการครูจะรวมกลุ่มย่อย 5-10 คน เพื่อค้ำประกันซึ่งกันและกัน หากเกิดกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิต ผู้ค้ำประกันในกลุ่มจะต้องแบกรับภาระหนี้ที่เหลือแทน ทำให้ข้าราชการครูหาคนค้ำประกันได้ยากเพราะไม่มีผู้ค้ำประกันคนใดอยากรับภาระ จึงมีการเรียกร้องให้มีการทำประกันสินเชื่อตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ต่อมาโครงการ ช.พ.ค. เพิ่มทางเลือกเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ที่จำเป็นต้องกู้วงเงินสูงแต่ไม่สามารถหาหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกันได้ตามเงื่อนไข โดยผู้กู้สามารถเลือกที่จะทำประกันหรือไม่ทำประกันก็ได้ตามความสมัครใจ บริษัทจึงได้เสนอกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพสินเชื่อปลอดภัยแบบความคุ้มครองทุนประกันเต็มวงเงินกู้ แบบทุนประกันคงที่ เพื่อลดความเสี่ยงทุนประกัน โดยบริษัทจะเป็นผู้ชำระคืนเงินกู้ที่เหลือแก่ธนาคารออมสินเต็มจำนวนเมื่อเกิดกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิต ซึ่งหากไม่ทำประกันก็มีทางเลือกคือหาคุณครูมาค้ำประกันแทนได้

ทั้งนี้ โดยทั่วไปสถาบันการเงินส่วนมากก็กำหนดเงื่อนไขการทำประกันให้เป็นทางเลือกของผู้กู้เงิน และจำนวนยอดรวมข้อมูลผู้กู้ ช.พ.ค. ทั้งหมดมีผู้กู้บางส่วนที่เลือกไม่ทำประกัน แต่มีส่วนน้อยเพียงร้อยละ 6 เท่านั้น เพราะเขาเห็นว่าการทำประกันในโครงการนี้มีประโยชน์ต่อทายาทและผู้ค้ำประกัน

นอกจากนี้ ดร.สมพร กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทผ่อนคลายข้อกำหนดให้สมาชิกเยอะมาก เงื่อนไขรับประกันให้แก่ข้าราชการครูทุกรายที่แจ้งความประสงค์โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการครั้งแรกอายุต้องไม่เกิน 65 ปี เบี้ยประกันอัตราเดียวสำหรับทุกเพศ ทุกช่วงอายุ ที่ 620 บาท/ปี/ต่อทุนประกัน 100,000 บาท ซึ่งคำนวณจากจำนวนเงินกู้ โดยให้ส่วนลดและต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 15% แถมกรมธรรม์ยังให้ความคุ้มครองภัยจากอุบัติเหตุและสุขภาพ รวมทั้งการเจ็บป่วย ภาวะโรคร้ายแรง คือภาวะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ภาวะโคมา (Coma) ภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว (Respiratory Failure) ภาวะสมองตาย และระบบประสาทล้มเหลว (Brain Death and Neurologic Failure) ด้วย หากพิจารณาเปรียบเทียบแล้วถือว่าผู้กู้ได้รับประโยชน์คุ้มมาก

ส่วนประเด็นการจัดเก็บเบี้ยประกันล่วงหน้า 9 ปี นั้น ดร.สมพร เผยว่า บริษัทได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรียบร้อยแล้ว ผู้เอาประกันภัยได้รับส่วนลดสำหรับการทำประกันระยะยาวตั้งแต่แรก เบี้ยที่บริษัทคิดเป็นราคาเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย ในขณะที่หากผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยแบบรายปี เบี้ยจะถูกปรับเพิ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้นและไม่ได้รับส่วนลดระยะยาว หากผู้กู้ชำระหนี้ครบก่อนกำหนด 9 ปี สามารถขอคืนเบี้ยส่วนที่ชำระไว้เกินได้ หรือหากชำระหนี้ยังไม่หมด สามารถต่ออายุกรมธรรม์ได้เช่นกัน แต่ผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 74 ปี สำหรับการต่ออายุประกันภัยในครั้งนี้เป็นการต่อสัญญาประกันภัย 1 ปี เบี้ยประกันภัยที่เสนอเป็นเบี้ยประกันภัยในอัตราเดิมแต่จะไม่มีส่วนลดเบี้ยระยะยาว การปรับเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีอายุเกิน 65 ปี ปรับเพิ่มจากความเสี่ยงด้านอายุและอัตรามรณะที่เพิ่มขึ้นจากการรับประกันภัยเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา

กรณีที่มีผู้ร้องเรียนการทำประกันต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีการดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา เนื่องจากข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดที่มีลักษณะของการกระทำความผิด

สำหรับประเด็นที่ตั้งข้อสังเกต คือ "ผู้กู้ในโครงการนี้ไม่ได้รับกรมธรรม์" ในประเด็นนี้ ดร.สมพร ชี้แจงว่า การประกันภัยในโครงการนี้เป็นการประกันภัยแบบกลุ่ม บมจ.ทิพยประกันภัย ได้ออกกรมธรรม์ฉบับเต็มให้แก่ธนาคารออมสินในฐานะเจ้าหนี้จำนวน 1 ฉบับ และ สกสค. ในฐานะผู้ดูแลโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. อีก 1 ฉบับ หลังจากที่ผู้กู้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วบริษัทจะนำส่งใบรับรองการประกันภัย พร้อมเอกสารสรุปสาระสำคัญของ ความคุ้มครองให้ผู้กู้ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้

ดร.สมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน บมจ.ทิพยประกันภัย ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ธนาคารออมสิน และทายาทของผู้เสียชีวิตครบทุกราย โดยไม่เคยขอสำเนาใบรับรองหรือกรมธรรม์จากทายาทผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีฐานข้อมูลรายชื่อผู้กู้ที่ทำประกันไว้ครบทุกรายอยู่แล้ว คิดเป็นเงินค่าสินไหมรวมทั้งสิ้น 16,409 ล้านบาท

“บริษัทฯ ขอยืนยันกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ และสุขภาพสินเชื่อปลอดภัย ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง และได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นว่ากรมธรรม์ในโครงการนี้เป็นประโยชน์แก่ข้าราชการครู สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้สะดวกขึ้น รวมทั้งภาระไม่ต้องตกอยู่กับผู้ค้ำประกัน หรือทายาท หากกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตก่อนชำระหนี้คืนทั้งหมด รวมทั้งทายาท ยังได้รับประโยชน์หากมีเงินส่วนเกินจากการชำระหนี้ บริษัทก็จะจ่ายเงินส่วนเกิน คืนให้ทายาทด้วย”

...