ในหลวง ร.10 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ผู้ว่าฯอุบลฯ อัญเชิญพวงมาลาหลวงพระราชทาน ตั้งหน้าหีบศพ “ป๋าแสง” ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ช่วยน้ำท่วมอุบลฯ
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อัญเชิญพวงมาลาหลวงพระราชทานไปวางหน้าหีบศพ นายมนตรี บู่คำ หรือ ป๋าแสง อายุ 63 ปี ประธานอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จังหวัดอุบลราชธานี ที่ศาลาวัดแจ้ง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนร่วมเป็นเกียรติในพิธี
ขณะที่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา มอบผ้าไตรจำนวน 3 ชุดให้กับนางสมนิต บู่คำ ภรรยานายมนตรีและญาติ โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้กล่าวให้แง่คิดและกำลังใจกับครอบครัวบู่คำ
สำหรับนายมนตรี เกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2499 ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางน้ำและเรือ จนเข้ามาประกอบกิจการอู่เรือในตัวเมืองอุบลราชธานี และเข้ารับอบรมเป็นอาสาสมัครกู้ภัยฝ่ายพลเรือนในปี 2541 มีผลงานเป็นที่ประจักษ์งานกู้ภัยมากมายในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นบุคคลที่เสียสละทั้งกาย ใจ และทรัพย์ส่วนตัวในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ อีกทั้งยังเป็นวิทยากรในการอบรมกู้ภัย การใช้เรือยนต์ ท้องแบน เจ็ตสกี จนได้รับรางวัลเชิดชูทรงเกียรติตลอดมา ซึ่งการสูญเสียครั้งนี้นายมนตรี ถูกยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งฮีโร่ของคนอุบลฯ ที่ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย
นางสาวธัญญาพร บู่คำ อายุ 37 ปี หลานสาว เล่าว่า วันเกิดเหตุ “ป๋าแสง” ได้รับมอบหมายให้เตรียมเรือท้องแบนเพื่อรับคณะของรองผู้ว่าราชการจังหวัดออกแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยริมฝั่งแม่น้ำมูล ขณะที่ป๋าแสงกำลังยกถังน้ำมันขึ้นเรือ เกิดอาการวูบล้มลง เจ้าหน้าที่ใกล้เคียงจึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทำ CPR เบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล แต่ด้วยความที่ป๋าแสงตัวใหญ่ ประกอบกับระดับน้ำห่างจากขอบพนังกั้นน้ำเกือบ 2 เมตร ทำให้การ CPR หยุดไปประมาณ 5 นาที แต่แพทย์ทำการยื้อได้ไม่นานป๋าแสง ก็จากไปอย่างสงบ (1 ต.ค.)
...
นางสาวธัญญาพร ยังกล่าวอีกว่า ครอบครัวรู้สึกเสียใจที่สูญเสียที่เสาหลักของครอบครัว แต่ก็ดีใจภูมิในเกียรติบารมีที่ ป๋าแสงไว้มานานกว่า 30 ปี
ด้านนางสมนิต บู่คำ อายุ 63 ปี ภรรยา กล่าวว่า ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจที่ต้องสูญเสียสามีไป แต่ก็ภูมิใจที่สามีได้ปฏิบัติหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย อีกทั้งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตารับสามีไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เมื่อเสียชีวิตพระองค์ยังได้พระราชทานพวงมาลาหลวง มีพระมหากรุณาธิคุณรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ พระราชกระแสทรงชมเชย และให้ตั้งโรงครัวพระราชทาน.