ชาวบ้านเมากลอย ทำข้าวต้มเตรียมถวายพระในบุญข้าวสากที่ขอนแก่น เสร็จแล้วพากันชิม แต่เมาเกือบเอาชีวิตไม่รอด แพทย์เตือน กลอยมีสารพิษ อันตรายถึงชีวิต เชื่อแม่ค้าขายกลอยในตลาดล้างมาไม่ดี ยังมีพิษตกค้าง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 กันยายน ที่ รพ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น นายแพทย์ชัยณรงค์ ศิลปษา นายแพทย์ปฏิบัติการ รพ.มัญจาคีรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กรณีที่มีชาวบ้านเมากลอย เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน มีชาวบ้านในพื้นที่ทยอยเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงกลางดึก ทั้งชายและหญิงรวมแล้ว 15 ราย ซึ่งทุกคนต่างก็มีอาการคล้ายกันคือ เวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย คลื่นไส้ อาเจียน คันคอ จึงได้ให้ยาแก้วิงเวียน และยาแก้อาการคลื่นไส้ พักรักษาตัวใน รพ.ไม่นาน เมื่ออาการดีขึ้นก็ให้กลับบ้าน
จากการสอบถามผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัว ต่างก็ตอบตรงกันว่า กินกลอย ซึ่งเป็นหัวมันชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำขนมคลุก และข้าวต้มกลอยรับประทานกัน ซึ่งในช่วงงานบุญข้าวสาก ชาวบ้านจะนิยมนำมาทำข้าวต้มไปถวายพระที่วัด เมื่อทำเสร็จชาวบ้านก็จะรับประทานกันในครอบครัว แต่ครั้งนี้เมื่อรับประทานเข้าไป เกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียน คันคอ และอาเจียน หรืออาการเมากลอย จึงพากันมาที่โรงพยาบาล ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าชาวบ้านเมากลอยจริงๆ เพราะกลอยมีสารพิษที่ชื่อว่าสารไดออสโครีน (Dioscorine) ทำลายระบบประสาทในร่างกาย หากรับสารเข้าไปในปริมาณมากก็อาจถึงเสียชีวิตได้
"แต่ชาวบ้านที่มาที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ได้รับพิษน้อย อาจจะเป็นเพราะขั้นตอนการแปรรูปที่ไม่ถูกวิธี ทำให้สารที่อยู่ในกลอยหลงเหลืออยู่ เมื่อชาวบ้านที่ซื้อมารับประทาน จึงได้รับสารนั้นเข้าไปในร่างกาย จนเกิดอาการเมากลอยขึ้นได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เลิกรับประทาน เพื่อจะไม่เกิดโทษในร่างกาย หรือควรจะทำให้สารพิษในกลอยออกไปหมดก่อนจึงนำมารับประทานได้” นายแพทย์ชัยณรงค์ กล่าว
...
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านขาม ม.5 ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับชาวบ้านที่รับประทานข้าวต้มกลอยแล้วเกิดอาการเมา โดยพบกับ นายจันทร์ สุอินตะ อายุ 77 ปี และนายไพผล ชมพูโคตร อายุ 63 ปี ทั้งสองอยู่ในสภาพอิดโรย
นายจันทร์ กล่าวว่า ประเพณีบุญข้าวสากของชาวอีสานนั้นจะขาดกลอยไม่ได้ เพราะกลอยเป็นพืชที่คล้ายมัน รับประทานแทนข้าวได้ จึงเป็นสิ่งของจะเป็นที่ต้องนำมาประกอบอาหารเช่นขนมคลุก หรือข้าวต้มกลอย เพื่อนำไปถวายพระสงฆ์ สวดอุทิศส่วนกุศลส่งให้บรรพบุรุษได้รับประทาน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีการเมากลอยกันนั้น ที่บ้านของนายไพผลทำข้าวต้มกลอย จึงมานั่งชิมด้วยหมดไป 1 ห่อ จากนั้นเกิดอาการเมา เวียนศีรษะ อาเจียน คันคอ คันตามร่างกาย จึงรู้ว่าตัวเองเมากลอย จึงล้วงคออาเจียนเอาข้าวต้มกลอยออกมาจนหมด และรับประทานยาแก้วิงเวียนจนมีอาการดีขึ้น และไม่ไป รพ.
ส่วนนายไพผล กล่าวว่า เพราะประเพณีบุญข้าวสาก ขาดกลอยไม่ได้ จึงได้ไปซื้อมาทำข้าวต้มกลอย ซึ่งกลอยที่ซื้อมานั้นยังเป็นกลอยดิบ หั่นเป็นชิ้นบางๆ แช่ในน้ำ ซื้อมาก็ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายครั้ง และห่อเป็นข้าวต้มนึ่งจนสุก นำมาแจกเพื่อนบ้านรับประทาน และเกิดอาการเมากลอยขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อถึงงานบุญข้าวสากจะซื้อกลอยมาทำขนม แต่ก็ไม่เคยเกิดปัญหา จนกระทั่งปีนี้เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเมากลอย โดยส่วนตัวคิดว่าเกิดจากพ่อค้า แม่ค้า ทำกลอยไม่สะอาด เอาสารพิษออกไม่หมด จึงเกิดเป็นพิษจากสารในกลอย
สำหรับกรณีชาวบ้านเมากลอย มีการแชร์เตือนภัยในเพจข่าวต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอย่างแพร่หลายว่า “แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ เรียน ผู้บังคับบัญชา วันที่ 12 กันยายน 2562 เวลาประมาณ 19.47 น. ศูนย์ระบาดวิทยาอำเภอมัญจาคีรี ได้รับแจ้งจากพยาบาลห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลมัญจาคีรี พบผู้ป่วยจำนวน 15 ราย มาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน อาหารที่สงสัยคือ "กลอย" แหล่งที่มาคือ "ตลาดสดมัญจาคีรี" ขณะนี้ไม่มีผู้ป่วยต้องนอนรักษาในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลมัญจาคีรี มีเฉพาะบางรายที่แพทย์ให้พักดูอาการที่ห้องฉุกเฉิน จำนวน 5 ราย.