หนุ่มขอนแก่น โร่ขึ้นโรงพัก หลังถูกชาย 3 คน รุมทำร้ายข้างทางบาดเจ็บ ขณะขี่ จยย.ออกจากร้านอาหาร มุ่งหน้ากลับบ้าน เผยสุดงงโดนรุมสกรัม หอบหลักฐานให้ ตร.ตามจับคนร้ายดำเนินคดี 

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 ก.ย.62 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายสุหกิจจินดา อ่างเก็บบุญอิ่มเอม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.6 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น นักกฎหมายอิสระ พาตัว นายประวิทย์ สุวรรณโชติอิสาน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ถ.ประชาสโมสร เขตเทศบาลนครขอนแก่น นำเอกสารหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด และภาพถ่ายเหตุการณ์การรุมทำร้ายร่างกาย เข้ามอบต่อ ร.ต.อ.สายันต์ คำภูเวียง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในการเอาผิดคนร้ายที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย นายประวิทย์ เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดย นายสุหกิจจินดา กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 8 ก.ย. ขณะที่ นายประวิทย์ กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก หลังรับประทานอาหารเสร็จ ก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปตาม ถ.ประชาสำราญ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อกลับบ้าน ได้ถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ก่อนจะจอดรถริมถนน จากนั้นผู้ชาย 3 คน ได้ลงจากรถตรงเข้ามารุมทำร้ายร่างกายแบบไม่ทันตั้งตัว

โดย นายประวิทย์ ยังงงว่าคนร้ายทั้งหมดเข้ามารุมทำร้ายร่างกายทำไม เพราะก่อนเกิดเหตุนั้นได้ไปนั่งรับประทานอาหารและดื่มกินที่ร้านอาหารย่านถนนประชาสำราญเพียงคนเดียว จนกระทั่งร้านปิดจึงขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งด้วยนิสัยที่เป็นคนอัธยาศัยดี มีเพื่อนเยอะ จึงอาจเข้าไปทักคนผิด หรือทักทายนักเที่ยวด้วยกันไปทั่ว หรืออาจจะเดินเบียดเสียดกันในร้าน จนเกิดการเหยียบเท้า หรือเดินชนนักเที่ยวด้วยกัน ด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ทำไมไม่พูดคุยกันดีๆ แต่กลับอาศัยจังหวะที่ นายประวิทย์ ขี่รถกลับบ้าน มารุมทำร้ายแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ นายประวิทย์ จะตั้งสติขี่รถจักรยานยนต์ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย

...

นายสุหกิจจินดา กล่าวต่อว่า นายประวิทย์ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ นำตัวส่งโรงพยาบาลโดยมีบาดแผลที่ท้ายทอยด้านซ้ายศีรษะ 2 แผล บริเวณด้านบนมีรอยบวมช้ำและมีเศษแก้วเต็มศีรษะ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เร่งจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

"โดยเอกสารหลักฐานที่นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ มีภาพใบหน้าคนร้าย คลิปเหตุการณ์ รวมไปถึงหลักฐานการพยายามที่จะค้นหาตัวผู้กระทำความผิดทั้ง 4 คน รวมทั้งคนอื่นๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าวด้วย อีกทั้งในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ไม่มีใครที่จะเข้ามาช่วยเหลือนายประวิทย์  ซึ่งหากเจ้าตัวหลบหนีมาไม่ได้ อาจจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่านี้ อาจถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิต"

ภายหลังส่งหลักฐานเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนจะนำหลักฐานมอบให้ชุดสืบสวน เพื่อสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.