น้ำจากลำห้วยจิกไหลลงแก่งละหว้าที่ขอนแก่น ก่อนเอ่อล้นท่วมล้อม "บ้านเป้า" กลายเป็นเกาะเข้าออกไม่ได้ รถยนต์ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ กู้ภัยรุดช่วยนำเรือใส่อาหารแห้งส่งช่วยชาวบ้าน
จากเหตุอุทกภัยที่ชาว อ.บ้านไผ่ หลายชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้กับลำห้วยจิก ได้รับผลกระทบหนักจากพายุโพดุล น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนตั้งแต่กลางดึกคืนวันที่ 30 จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้แม้น้ำจะลดลงบ้างแล้ว แต่ยังคงมีบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ติดลำห้วยจิก ไม่สามารถจะเข้าไปพักอาศัยในบ้านเรือนของตัวเองได้ ซึ่งที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้กล่าวถึงการไหลของเส้นทางน้ำว่า มวลน้ำจากลำห้วยจิกที่ท่วมชุมชนต่างๆ นั้นจะไหลลงแก่งละหว้า
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจตามเส้นทางที่น้ำจากหนองจิกไหลลงแก่งละหว้า พบว่าน้ำที่ไหลจากในตัวเมืองบ้านไผ่ลงแก่งละหว้านั้น ได้เอ่อท่วมที่นาของประชาชนในพื้นที่ตำบลบ้านไผ่หลายพันไร่ นอกจากนี้ยังเอ่อท่วมบ้านเป้า ม.3 และบ้านโนนละม่อม ม.4 ต.บ้านไผ่ โดยเฉพาะบ้านเป้าถูกน้ำท่วมจนกลายเป็นเกาะ ถูกตัดขาดจากภายนอก เพราะเส้นทางรถยนต์ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ มีเพียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากพุทธสมาคมจีแชเกาะ ชุมแพ และหน่วยกู้ภัยภูกระดึงพิทักษ์ชีพ ซึ่งนำเจ้าหน้าที่เข้าประจำการที่โรงเรียนเบญจมิตรวิทยาคม บ้านโนนละม่อม เพื่อนำน้ำและข้าวสารอาหารแห้งใส่เรือเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านทั้งสองแห่ง
ผู้สื่อข่าวได้นั่งเรือเข้าไปยังบ้านเป้า พบว่าน้ำไหลเอ่อท่วมบ้านเรือนที่อยู่ติดลำห้วยจิก พังเสียหาย 3 หลัง อู่ซ่อมรถ อู่ต่อเรือท้องแบน และเล้าไก่ เล้าเป็ดของชาวบ้านหายไปกับน้ำ น้ำไหลเชี่ยวท่วมสะพานข้ามลำห้วยจิก ชาวบ้านสัญจรไปมาไม่ได้
...
นายแสงการ ประกังเว อายุ 66 ปี ชาวบ้านเป้าเจ้าของอู่ต่อเรือและเจ้าของฟาร์มเป็ด ฟาร์มไก่ กล่าวว่า มีบ้านพักในหมู่บ้าน แต่มาทำกิจการเป็นอู่ต่อเรือท้องแบนและเลี้ยงเป็ดเชอรี่ จำนวน 200 ตัว ไก่พันธุ์เนื้อ 200 ตัว ฟังการเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยามาตลอด และเก็บสิ่งของ เครื่องมือช่างขึ้นที่สูง แต่ช่วงเช้าวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา มวลน้ำสูงกว่า 2 เมตร ทะลักมาตามทุ่งนาเข้าท่วมพื้นที่ ทุกอย่างหายไปกับน้ำ โชคดีที่ตัวเองติดอยู่กับต้นไผ่จึงปลอดภัย ส่วนเป็ดไก่หายไปกับน้ำ

“เกิดมาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทุกปีที่ผ่านมาน้ำมีปริมาณมากแต่ก็ไหลมาตามลำห้วยจิกลงสู่แก่งละหว้าตามปกติ แต่ครั้งนี้น้ำทะลักมาทุ่งนา เชี่ยวแรงน่ากลัว เกินที่จะป้องกันได้ แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยเหลือชาวบ้านบ้าง เพราะชาวบ้านเป้าที่เดือดร้อนยังต้องการข้าวและอาหาร” ชาวบ้านเป้าเจ้าของฟาร์มเป็ด กล่าว
ในขณะที่ นายวุฒิภัทร อายุ 42 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ กล่าวว่า น้ำมาแรงมากเก็บของไม่ทัน ทุกอย่างหายไปกับน้ำ รถยนต์ก็จมในน้ำ ขณะนี้ถือว่าเดือดร้อนมากเพราะไม่มีอาหาร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้าวและอาหารมาให้บ้าง
“วันนี้เป็นวันหยุดลูกหลานอยู่บ้านกับพ่อแม่ แต่วันที่ต้องไปเรียนหนังสือยังคิดไม่ออกว่าจะให้ลูกเดินทางไปเรียนหนังสือได้อย่างไร เพราะถนนก็ถูกน้ำท่วม รถยนต์เข้าออกไม่ได้ จึงอยากขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีรถขนาดใหญ่ มีเรือมารับส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือด้วย” เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ กล่าว

ขณะที่ นายกัณหา เพียรทอง อายุ 36 ปี หัวหน้าทีมกู้ภัยจีแชเกาะชุมแพ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นำทีมเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม แต่เข้ามาลำบากมาก เพราะน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว แต่ก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านกว่า 50 คน ไปอยู่ที่โรงเรียน เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ประสานกลับไปยังพุทธสมาคมจีแชเกาะ ชุมแพ เพื่อนำน้ำ ข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของที่จำเป็นมามอบให้กับชาวบ้านกว่า 150 หลังคาเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกน้ำท่วมไม่สามารถเดินทางออกจากหมู่บ้าน เป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว.