ผู้ว่าฯขอนแก่น สั่ง สปพ.เขต 3 รายงานผลการตรวจสอบครูทำน้ำปัสสาวะกลั่นสมุนไพรให้นักเรียนดื่ม ขึ้นมาภายใน 7 วัน พร้อมให้ตรวจสอบครูรายนี้ได้ทำเรื่องอื่นอีกหรือไม่ และหากมีหลักฐานชัดเจน จะดำเนินตามระเบียบขั้นตอนกระทรวงศึกษาธิการ...

จากกรณีที่ ครูรุจิรา ธนะชัย ครูโรงเรียนบ้านโจดหนองแกหนองสิม อ.พล จ.ขอนแก่น มีพฤติกรรมเกี่ยวกับน้ำปัสสาวะ โดยอ้างว่าเป็นน้ำมนต์จากวัด ซึ่งมีข้อความในโซเชียลว่า ทำน้ำปัสสาวะกลั่นสมุนไพร นำไปไว้ประจำที่โรงเรียน ให้นักเรียนที่เป็นไข้ตัวร้อนดื่มกินมาก แล้วจะหายภายใน 30 นาที ทดลองมากับเด็กเกือบ 30 คน ได้ผลทุกคน 

ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสนอง สุดสะอาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 ได้เรียกครูรายดังกล่าวคือ นางรุจิรา ธนะชัย ครูสอนชั้น ป.3 เข้าชี้แจงถึงเรื่องที่มีการแชร์ในโซเชียลแล้ว และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน และนักจิตวิทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวไปแล้วนั้น ซึ่งในเบื้องต้น ครูรุจิรา ยอมรับว่า ได้เรียนรู้เรื่องสมุนไพร และการทำสมุนไพรกลั่นจากชมรมแพทย์วิถีธรรมแห่งประเทศไทย ที่มีหมอเขียวเป็นผู้ให้ความรู้ จึงทำน้ำสมุนไพรกลั่นขึ้นมาดื่มเอง และให้นักเรียนดื่มจริง แต่ในน้ำสมุนไพรกลั่นนั้น ไม่มีการผสมของปัสสาวะแต่อย่างใด

...

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ว่า รับทราบเรื่องดังกล่าวจาก ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 3 และนายอำเภอพล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงให้ สพป.ขอนแก่น เขต 3 ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้เขากำลังดำเนินการอยู่ โดยจะมีคณะของนายอำเภอพล และสาธารณสุขอำเภอ ร่วมเข้าตรวจสอบด้วย 

"ผมเน้นย้ำไปว่า ขอให้รายงานผลการตรวจสอบให้ผมทราบภายใน 7 วัน ซึ่งนอกจากตรวจสอบเรื่องที่แชร์ในโซเชียลว่า ครูทำน้ำปัสสาวะกลั่นสมุนไพร นำไปไว้ประจำที่โรงเรียน ให้นักเรียนที่เป็นไข้ตัวร้อนดื่มกินมาก แล้วจะหายภายใน 30 นาที ทดลองมากับเด็กเกือบ 30 คน ได้ผลทุกคนแล้วนั้น ยังให้ตรวจสอบด้วยว่าครูรายนี้ได้ทำเรื่องอื่นอีกหรือไม่ ที่ทำให้เกิดความเสียหายกับเด็กนักเรียน และในขณะเดียวกัน หากครูรายนี้เคยปฏิบัติกับนักเรียน จนได้รับการตำหนิหรือมีการร้องเรียนจากผู้ปกครองที่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน ก็จะมีการพิจารณาพฤติกรรมตามระเบียบและขั้นตอนของกระทรวงศึกษาธิการ หรือดำเนินการทางวินัยต่อไป"
 
ด้านนายสนอง สุดสะอาด ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 3 กล่าวว่า เรื่องที่ครูนำน้ำสมุนไพรให้เด็กกินนั้น หากสุจริตใจและเป็นน้ำสมุนไพรที่มีประโยชน์ และยอมรับกันได้ทั่วไป ก็ถือว่าเป็นการเมตตา ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าน้ำสมุนไพรที่มีการปนเปื้อนหรือมีฉี่ผสมอยู่ ก็จะทำให้สุขภาพของเด็กไม่ดี ก็ผิดในเรื่องของจรรยาบรรณ และวินัยครู

ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นหากเด็กเจ็บป่วยก็ควรได้รับการรักษาตามระบบปกติ และที่โรงเรียนก็มีห้องพยาบาลที่ไม่ได้บกพร่อง หากอาการหนักก็สามารถส่งไปยังสถานที่ที่มีความพร้อมในเรื่องเครื่องมือและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น สถานีอนามัย หรือโรงพยาบาล ซึ่งน้ำสมุนไพรหากจะตีความหมายกรณีนี้ว่าผิดหรือไม่ ก็ถือว่าตีความยาก เพราะครูก็ไม่ได้มีความรู้ด้านสาธารณสุข แต่โดยปกติวิสัยทั่วไปแล้ว น้ำสมุนไพร เช่น น้ำมะตูม ที่มีการดื่มมาแต่โบราณ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่หากนอกเหนือจากอื่นๆ นี้ก็ต้องระมัดระวัง และต้องได้รับการตรวจสอบ ซึ่งตนเองได้กำชับอยู่ตลอด แต่เนื่องจากบุคลากรมีเยอะ อาจจะทำให้เข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อนไปได้ โดยตอนนี้ครูยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ เนื่องจากความผิดยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเจตนาที่แท้จริงคืออะไร เพื่อสรุปและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้หลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็ได้สอบถามครูคนดังกล่าวย้ำเรื่องของปัสสาวะว่าได้นำมาใส่หรือไม่ ซึ่งทางครูเองก็ยืนยันว่า ไม่มีปัสสาวะเป็นส่วนผสมแต่อย่างใด