น้ำเขื่อนลำปลายมาศ ลดฮวบในรอบ 30 ปี บริเวณท้ายเขื่อนน้ำแห้งขอด เห็นเนินดิน ชาวบ้านพาวัวควายไปเลี้ยงกลางเขื่อนได้ หลังฝนทิ้งช่วงยาวนาน หวั่นเลวร้ายหนัก ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. สถานการณ์ปริมาณน้ำภายในเขื่อนลำปลายมาศ หนึ่งในโครงการพระราชดำริ ต.บ้านราษฎร์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ขณะนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากฝนทิ้งช่วงยาวนาน รวมถึงต้องรับภาระในการส่งน้ำให้กับการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตรในพื้นที่อำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา และบางพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์ รวมกว่า 57,000 ไร่ ส่งผลให้บริเวณท้ายเขื่อนด้านบน ห่างจากสันเขื่อนประมาณ 4 กิโลเมตร น้ำแห้งขอดเห็นเนินดิน จนเกษตรกรบางรายสามารถนำโคกระบือลงไปเลี้ยงภายในเขื่อนได้ โดยชาวบ้านในพื้นที่ไม่เคยเห็นเขื่อนน้ำแห้งขนาดนี้มาก่อน
นายพรภิรมย์ กล้าหาญ อายุ 57 ปี ชาวบ้านตำบลบ้านราษฎร์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์น้ำเขื่อนลำปลายมาศที่ลดต่ำลงขนาดนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่มีการก่อสร้างเขื่อนมาเมื่อปี 2529 โดยสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงในขณะนี้ ซึ่งสถานการณ์จะแย่ลงไปกว่านี้อีกหรือไม่ เกรงว่าในปีหน้าอาจจะต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำได้
...
สำหรับสถานการณ์น้ำภายในเขื่อนลำปลายมาศ ล่าสุดปริมาณน้ำน้ำดิบเหลืออยู่ภายในเขื่อน เพียง 26.5 ล้าน ลบ.ม. จากความจุทั้งหมดที่ 98 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุ แต่ปริมาณน้ำใช้การได้จริงเหลือเพียงแค่ 17.2 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 19 ของความจุ ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำต่ำสุดตั้งแต่เคยตั้งเขื่อนมา หรือในรอบกว่า 30 ปี ส่งผลให้เห็นเนินดินใต้น้ำและตอไม้โผล่ขึ้นมาให้ได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่ขณะนี้ยังจำเป็นต้องส่งน้ำทั้งระบบ ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ อุตสาหกรรม และการเกษตร วันละกว่า 3 แสน ลบ.ม. เนื่องจากสภาพพื้นที่ในเขตชลประทานท้ายเขื่อนทั้งในพื้นที่อำเภอเสิงสาง และจังหวัดบุรีรัมย์ กำลังประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วงและต้องการน้ำอย่างมาก
อย่างไรก็ตามทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปลายมาศ มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อแผนการส่งน้ำในปีนี้ และยืนยันว่าจะมีน้ำเพียงพอในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในเขตชลประทานทั้งการส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การอุตสาหกรรม และการเกษตร พื้นที่กว่า 57,000 ไร่ อย่างแน่นอน.