ตม.4 รวบหนุ่มอินเดีย คาสนามบินภูเก็ต ขณะเตรียมบินหลบหนีออกนอกประเทศ หลังก่อเหตุฉ้อโกงในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ได้เงินไปร่วม 800,000 บาท รวมทั้งกวาดล้างผู้ต้องหาต่างด้าวคดีอื่นๆ รวมกว่า 2,117 ราย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ก.ค.2562 ที่กองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 4 (บก.ตม.4) พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติหน้าที่และการจับกุมคดีชาวต่างชาติกระทำความผิดที่น่าสนใจ จากสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ จากผลการดำเนินงานในช่วงระหว่างวันที่ 1-12 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย บก.ตม.4 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2117 ราย

แยกเป็นการหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 883 ราย อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือ Over Stay 28 รายทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 44 รายจับกุมตามหมายจับ 13 รายความผิดตามกฎหมายอื่น 927 ราย ปฏิเสธการเข้าเมืองของคนต่างด้าว 222 ราย 

...

พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติดังกล่าวพบว่ามีคดีที่สำคัญที่ บก.ตม.4 ได้สั่งการให้ ตม.จ.ร้อยเอ็ดเร่งดำเนินการสืบสวนจับกุม จนกระทั่งที่จะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ในขณะที่ผู้ต้องหา คือ นายราเยสวาริ มานิ (Mr.Rajeshwari Mani) อายุ 59 ปี กำลังเตรียมที่จะเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์จากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งนายราเยสวาริ นี้นั้นเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ร้อยเอ็ดที่ จ.201/2562 ลงวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เหตุเกิดที่ท้องที่ สภ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด

“ผู้ต้องหารายนี้ตำรวจ ตม. ได้รับการประสานงานจากตำรวจพื้นที่ว่ามีพฤติกรรมในการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้เสียหายที่เป็นชาวอินเดียด้วยกันได้เข้าแจ้งความว่าถูกผู้ต้องหารายนี้ขอยืมเงินจำนวน 800,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการเป็นหลักฐานสำหรับการต่อวีซ่าแบบใช้ชีวิตบั้นปลาย ซึ่งในหลักฐานที่ต้องมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่นั้นคือจะต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 800,000 บาท ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือน ก่อนวีซ่าจะครบอายุ ซึ่งผู้เสียหายที่เป็นเพื่อนกับผู้ต้องหาได้กดเงินสดให้กับผู้ต้องหาไปแบบเต็มจำนวน จากนั้นผู้ต้องหาก็หลบหนีไปและไม่สามารถติดต่อได้ จึงมีการเข้าแจ้งความไว้ที่ จ.ร้อยเอ็ด

ทันทีที่ ตม.ร้อยเอ็ด ได้รับเรื่อง บก.ตม.4 จึงประสานการทำงานร่วมกันระหว่างชุดสืบสวน บก.ตม.4 ตม.ร้อยเอ็ดชุดสืบสวน ภ.จว.ร้อยเอ็ด เพื่อแกะรอยคนร้าย โดยเริ่มตั้งแต่บ้านพักและที่พักอาศัยต่างๆ ตามที่ผู้ต้องหาระบุ แต่ก็ไม่พบตัว จนกระท่งทราบถึงการเคลื่อนไหวในเขตบุรีรัมย์ กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ จนกระทั่งสุดท้ายทราบว่าเตรียมที่จะเดินทางไปต่างประเทศในช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ชุดสืบสวนซึ่งเมื่อได้รับหมายจับก็ได้ส่งเรื่องไปยังด่าน ตม.ทั่วประเทศ และสถานีตำรวจต่างๆ จนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหาผ่านการประทับตราออกนอกประเทศที่ ท่าอากาศยานภูเก็ตและเตรียมที่จะไปรอขึ้นเครื่อง ชุดสืบสวน ตม.ร้อยเอ็ด จึงประสานงานร่วม ตม.ภูเก็ต จับกุมตัวได้และถูกส่งตัวมาที่ บก.ตม.4 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและเตรียมที่จะขึ้นบัญชีดำและส่งกลับประเทศตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป” ผบก.ตม.4 กล่าว

ผบก.ตม.4 กล่าวต่ออีกว่า จากผลการระดมกวาดล้างปราบปรามปัญหาอาชญากรรม ทั้งคดีอาญาและคดีที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติในพื้นที่ภาคอีสานยังคงสามารถจับกุมคดีสำคัญได้อีกจำนวนมาก ทั้งที่ จ.หนองคาย ที่จับกุมนายยาหมิง ปาย ชาวเมียนมา ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายภรรยาชาวไทย การจับกุมผู้ต้องหาชาวปากีสถานหลบหนีเข้าเมืองมาทำงานโดยผิดกฎหมาย

ที่ขอนแก่น จับกุมชาวเคนยาที่มาทำงานเป็นครูสอนภาษาที่โรงเรียนชื่อดังที่ จ.หนองบัวลำภู อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ยังคงมุ่งเน้นในการตรวจค้น และตรวจสอบกลุ่มบุคคลตามเป้าหมาย 9 สัญชาติ เน้นหนักที่กลุ่มประเทศเคนยา อินเดีย แคเมอรูน และโคลัมเบีย ที่จะต้องได้รับการตรวจสอบทั้งหมด.