แจ้งไปทุกจังหวัดให้เตือนประชาชน
ผวจ.ขอนแก่น ฟันธงบัตรพลังงานรักษาโรค รักษาโรคไม่ได้ แต่บริษัทหลอกว่าบัตรปล่อยพลังงานรักษาโรคและปรับสมดุลร่างกายทำหนังสือถึง ผวจ.ทุกจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น สั่งลุยเร่งสอบสวนดำเนินคดี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฉ้อโกงประชาชน ผู้ใหญ่บ้านสาวแฉตัวแทนขายบัตร ตุ๋นสุดขั้วบอกว่ารักษาโรคได้ ติดตู้เย็น หม้อแปลงประหยัดค่าไฟ ติดฝาถังน้ำมันประหยัดน้ำมัน ขณะที่สาธารณสุขจังหวัดแจ้งความดำเนินคดีปิดฉลากไม่ถูกต้องแล้ว ด้านเจ้าของบริษัท แถลงยันรักษาอาการปวดหลังได้ เลยนำมาแจกลูกค้าอาหารเสริม โบ้ยบัตรเป็นของบริษัทต่างชาติที่เจ๊งไปแล้ว การนำบัตรไปขายก็เป็นเรื่องการตลาดที่บริษัทดังกล่าวทำไว้
เจ้าหน้าที่หลายหน่วยเดินหน้าไล่ล่าแก๊งแสบหากินบนความไม่รู้ของชาวบ้านที่มีอาการเจ็บป่วย หลอกขาย “บัตรพลังรักษาโรค” หรือ “การ์ดพลัง” ในราคาใบละกว่า 1,000 บาท ใช้รักษาโรคโดยนำไปวางจุดที่เจ็บป่วย จุ่มน้ำดื่ม หรือวางใต้แก้วน้ำก่อนนำไปดื่ม ซึ่งตัวแทนบริษัทชักชวนประชาชนเข้าอบรมและสมัครสมาชิกซื้อบัตรในราคาพิเศษนำไปขายต่อกินกำไร มีชาวบ้านศาลาดิน หมู่ 7 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อนับสิบคน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.สงขลา (สสจ.สงขลา) ร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าตรวจค้นบริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปร เน็ทเวิร์ค จำกัด ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าของบัตรลวงโลก ยึดอาหารเสริมไว้ตรวจสอบเนื่องจากแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เลขทะเบียน อย.ไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์ ส่วนบัตรพลังพบเพียงใบเดียว
ความคืบหน้าการดำเนินคดีแก๊งขายบัตรลวงโลก เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยผลการตรวจสอบกรณีชาวบ้านศาลาดินซื้อบัตรพลังรักษาโรค ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ซื้อต่อจากผู้ที่เป็นสมาชิกและเป็นตัวแทนประจำหมู่บ้าน ในราคาบัตรละ 1,500 บาท บัตรไม่ได้บ่งบอกถึงสรรพคุณทางยาหรือการรักษาโรค แต่ทางบริษัทบอกกับชาวบ้านที่สมัครเป็นตัวแทนว่าเป็นบัตรปลดปล่อยพลังงานออกมารักษาโรคและปรับสมดุลของระบบร่างกาย บริษัทได้ประชุมการขายตรงให้ความรู้กับสมาชิกเมื่อวันที่ 7-9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สมัครเป็นสมาชิกซื้อบัตรพลังได้ในราคา 1,100 บาท และนำไปขายต่อในราคา 1,500 บาท
...
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการโฆษณาเกินจริงก่อให้เกิดความเข้าใจผิดสินค้าหรือบริการ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และการจำหน่ายโดยลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในคุณภาพสินค้า เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้ตำรวจเพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย และตนได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่อย่าหลงเชื่อการโฆษณาหรือการขายสินค้าดังกล่าวเด็ดขาด
พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่า บัตรพลังไม่สามารถนำมารักษาโรคใดๆได้ มอบหมายให้ตำรวจ สภ.อุบลรัตน์ ลงพื้นที่สอบปากคำผู้ที่ใช้บัตร และหากประชาชนรายใดจะแจ้งความว่าตัวเองถูกหลอกสามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ และให้ชุดสืบสวนทุกพื้นที่ตรวจสอบและหาตัวคนที่เข้าร่วมประชุมที่สวนสัตว์เพื่อเชิญตัวมาสอบสวน รวมถึงตรวจสอบว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดประชุมในวันดังกล่าวเคยมีประวัติในการถูกดำเนินคดีมาก่อนหรือไม่ รายละเอียดในบางส่วนไม่สามารถเปิดเผยได้
ผบก.ภ.จ.ขอนแก่นกล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องในการขายตรงบัตรดังกล่าว มีความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาเกินจริง
ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดสินค้าหรือบริการ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์ในการบำบัด รักษา บรรเทา โดยไม่ได้รับอนุญาตการจำหน่ายโดยลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในคุณภาพสินค้าก็มีความผิดเช่นกัน รวมถึงการฉ้อโกงประชาชนด้วย รวมถึงการประชุมหาสมาชิก เครือข่าย อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ทั้งนี้จะมีการส่งบัตรดังกล่าวให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้วย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีมีการตรวจพบสารปรอทในบัตรพลังว่า ปรอทมีหลายชนิด หากเป็นประเภทโลหะ การรับสารนี้ในระยะสั้นมีผลทำให้มีไข้ ไอ ปวดหลัง ชีพจรเต้นเร็ว บางคนที่บอกว่าสัมผัสไปแล้วรู้สึกมีพลังจึงไม่แน่ใจว่ามาจากพิษของปรอทที่ทำให้ชีพจรเต้นเร็วหรือไม่ แต่ถ้ามีการสัมผัสไปในระยะยาวมีผลต่อเรื่องทางจิตเวช อาทิ ซึมเศร้า ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ เป็นต้น ส่วนที่มีข่าวว่าพบรังสีด้วยนั้น ข้อเท็จจริงตนไม่ทราบ แต่ถ้าโดยหลักรังสีจะมีหลายอย่าง รังสีโคบอลท์ รังสีนิวเคลียร์ การสัมผัสอาจจะทำให้ผิวไหม้ หากได้รับมากอาจลึกถึงกระดูก คิดว่าถ้ามีรังสีจริงคงไม่น่าจะถึงขั้นนั้น นอกจากนี้ การรับรังสียังมีผลทำให้คลื่นไส้ อาเจียน มีผลต่อระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร ถ้ารับนานๆจะมีผลต่อระบบเลือด เพราะรังสีจะไปกดการทำงานของกระดูกทำให้การสร้างเม็ดเลือดมีปัญหา โดยสรุปไม่เคยมีหลักฐานว่าบัตรสมาร์ทการ์ดจะสามารถรักษาโรคได้
ด้านนายสมหวัง มหาวัง นายอำเภออุบลรัตน์ กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่บ้านศาลาดิน เพื่อพูดคุยกับชาวบ้านที่ใช้บัตรพลัง และได้ขอบัตรดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าไม่พบสารหรือสิ่งที่บ่งชี้ได้ว่ารักษาโรคหรือช่วยบำบัด บรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ ลงไปชี้แจงชาวบ้านและแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยประชาสัมพันธ์ลูกบ้านด้วย เชื่อว่ายังคงมีประชาชนใช้อยู่ แต่ไม่กล้าแสดงตัว ซึ่งไม่อาจจะก้าวล่วงได้ เพราะเป็นความพอใจของแต่ละบุคคล
นางวริศรา สร้อยโพธิ์ อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองหญ้ารังกา กล่าวว่า เมื่อต้นปีนายสินธนู เรียนพิศ คนที่นำบัตรมาเผยแพร่ ขอใช้พื้นที่ศาลาประชาคมของหมู่บ้าน เพื่อเปิดตัวสินค้าบัตรพลัง มีการโฆษณาว่าบัตรดังกล่าวใช้รักษาโรคได้ ติดตู้เย็น ติดหม้อแปลงไฟฟ้าช่วยประหยัดไฟ ติดฝาถังน้ำมันรถช่วยประหยัดน้ำมัน ได้เตือนชาวบ้านที่เข้าร่วมงานให้ใช้วิจารณญาณในการซื้อสินค้า หนึ่งในคนที่หลงเชื่อซื้อคือนางหนูกร ขันสะพัด อายุ 62 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันและปวดเมื่อยตามร่างกาย ต่อมาเมื่อเดือน เม.ย. นางหนูกร ก็เสียชีวิตลง เท่ากับว่าบัตรดังกล่าวไม่ได้ช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการป่วยไข้ได้เลย ตนได้ประชาสัมพันธ์ทางหอกระจายข่าวให้ชาวบ้านทราบแล้ว
...
ส่วน น.ส.บังอร ตุ่นเฮ้า อายุ 30 ปี หลานชาวบ้านที่หลงเชื่อซื้อบัตรพลังว่า ทำงานในกรุงเทพฯ ขณะกลับมาเยี่ยมบ้าน ตายายได้เอาบัตรพลังมาให้ดูถามว่ารักษาโรคได้จริงหรือไม่ ตนไปสอบถามกับตัวแทนขายในหมู่บ้าน ทุกคนบอกว่าเป็นบัตรพลัง มีการปลุกเสกที่วัดป่าคำชะโนดจนมีพลัง ก็รู้สึกเอะใจ ขอบัตรเอาไปเพื่อนดูกระทั่งสื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่าบัตรไม่สามารถรักษาโรคได้ ข่าวดังกล่าวถือเป็นการช่วยชาวบ้านที่ยังหลงเชื่อให้เข้าใจว่าเป็นเพียงบัตรธรรมดา ไม่ใช่บัตรพลังที่จะทำอะไรได้ตามที่โฆษณา
ต่อมาเวลา 16.30 น. ภก.วิไลวรรณ สาครินทร์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารและยา เจ้าหน้าที่นิติกร สำนักงานสาธารณสุข จ.สงขลา ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สภ.หาดใหญ่ ขอให้ดำเนินคดีกับบริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปร เน็ทเวิร์ค จำกัด ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 เนื่องจากแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เลข อย.ไม่ตรงกับผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเลข อย.เป็นเก๊กฮวยผง อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร แต่สินค้าของบริษัทเป็นสเต็มเซลล์ และคอลลาเจน อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดย ภก.วิไลวรรณกล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุข จ.สงขลา ดำเนินการในเรื่องอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ส่วนเรื่องของการ์ดพลังงาน สคบ.จะเป็นผู้ดำเนินการ
ขณะเดียวกัน ที่บริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปร เน็ทเวิร์ค จำกัด เลขที่ 335 ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 4 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายธนัช สุรินทร์ อายุ 46 ปี เจ้าของบริษัท แถลงชี้แจงกรณีถูกระบุเป็นผู้ขายว่า บัตรดังกล่าวไม่ใช่ของบริษัทตน แต่เป็นของบริษัท “LA Geniusm” ที่มาเปิดในประเทศไทย แต่ขาดทุนจึงทิ้งบัตรเอาไว้ ตนจึงเอาไปเก็บไว้ ที่ชาวบ้านนำไปใช้ก็ไม่เกี่ยวกับตน และตนก็ไม่ได้
มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ตนเคยใช้เหน็บเอวแล้วหายปวด จึงแจกให้กับลูกค้าที่ซื้ออาหารเสริมเท่านั้น และไม่ทราบว่าบัตรนี้มีกี่แบบ ส่วนที่บางใบมีชื่อของบริษัทตนอยู่ เพราะมีการทำขึ้นมาเป็นต้นแบบเสนอให้บริษัทของตน พร้อมย้ำว่าบัตรนี้ไม่ใช่บัตรวิเศษแค่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยอ่อนล้าจากการทำงานหนัก ตนเคยลองใช้ก็ช่วยได้จริงๆ จึงนำบัตรนี้มาแจกคู่กับอาหารเสริม ส่วนคนที่นำไปขาย เช่นที่ จ.ขอนแก่นนั้น ตนไม่ทราบ เพราะบริษัท “LA Geniusm” ทำตลาดมาก่อนแล้ว
...
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 81 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ก่อนหน้านี้คือห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ตามข้อมูลที่ระบุว่าเป็นตั้งของบริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปร เน็ทเวิร์ค จำกัด จำหน่ายบัตรพลังงานรักษาโรค และเป็นที่ตั้งของบริษัทในส่วนของการบริหารใน กทม. แต่ไม่พบบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่ของห้างตรวจสอบข้อมูลการจัดตั้งบริษัท และเช่าพื้นที่ไม่พบบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด