ผู้การอุดรฯ สั่งการตรวจ 44 สำนัก หมอดู หมอผี หลังคนร้ายทุบเบ้า เจาะกะโหลกศพ ด.ช.6 ขวบ ญาติวอนนำมาคืนเพื่อให้ครบ 32 ก่อนทำพิธีเผา เชื่อไม่ได้ลักไปทำปั้นเหน่ง แค่เอาไปเข้าพิธีขอหวย เร่งตรวจดีเอ็นเอขี้ผึ้งปริศนา
กรณีมีคนร้ายทุบเบ้าบรรจุศพ ด.ช.ศุกลวัฒน์ อยู่ศรีเจริญ หรือน้องเก้า อายุ 6 ปี 9 เดือน ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ ถูกลักเจาะกะโหลกหน้าผาก เหตุเกิดบริเวณเมรุวัดส่งเสริมธรรม ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี ญาติเชื่อเป็นฝีมือแก๊งคุณไสย มนตร์ดำ มาลักไปทำ “ปั้นเหน่ง” หรือพวกนิยมชมชอบของขลัง ทำพิธีสะกดวิญญาณ วอนคนร้ายให้นำกะโหลกมาคืนเพื่อให้ศพครบ 32 ก่อนทำพิธีฌาปนกิจ ขณะที่ตำรวจสืบสวนแกะรอยหาตัวคนร้าย และรอผลตรวจหาดีเอ็นเอมนุษย์ในกระปุกขี้ผึ้ง ล่าสุดญาติได้ตกลงให้ตำรวจทุบเบ้าบรรจุศพเพื่อหลักฐานอีกครั้ง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ต.วัรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เรียกชุดสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี ชุดสืบสวน สภ.ห้วยหลวง ประชุมรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนติดตามคดี ใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ เปิดเผยว่า หลังสั่งการให้ชุดสืบสวนทั้ง 2 ชุด ลงสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับแก๊งคุณไสยมนตร์ดำ แก๊งเก่าที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ จ.อุดรธานี และถูกจับเมื่อปี 2557 และ 2558 ผู้ต้องหารวม 7 คน ปรากฏว่า ได้มา 3-4 ราย หลังออกจากเรือนจำ ต่างไปประกอบอาชีพสุจริต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องคุณไสยแล้ว บางคนไปทำไร่ ทำนา การเกษตร บางคนไปทำอาชีพพราหมณ์ ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ สะเดาะเคราะห์
นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ จ.อุดรธานี ตรวจสอบสำนักหมอผี หมอดู หมอเสน่ห์ หมอธรรม ปรากฏว่ามีประมาณ 44 สำนัก สั่งกำชับให้สืบสวนหาข่าว ดูความเคลื่อนไหว หากพบความเชื่อมโยงก็สามารถเข้าตรวจค้นได้ทันที ส่วนที่มีพยานระบุว่า มีพระภิกษุซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระลูกวัดต้องสงสัย เดินทางมาพักในวัด จากการตรวจสอบพบว่าเดินทางมาและกลับไปก่อนเกิดเหตุหลายวัน แต่ตำรวจก็ไม่ตัดประเด็นนี้ทิ้ง ส่วนการนำกระปุกน้ำมันสีผึ้งที่พบอยู่ในกุฏิพระลูกวัด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจยึดนำไปส่งตรวจเพื่อหาดีเอ็นเอมนุษย์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานภาค 4 โดยได้กำชับให้ตรวจพิสูจน์ให้เร็วขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ให้รู้ผล หากเป็นดีเอ็นเอของมนุษย์ ก็จะมีผลต่อรูปคดี
...
“การทุบเบ้าหาหลักฐานเพิ่มเติม จะขอประชุมอีกครั้ง เพราะการทุบเบ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของญาติ หากจะทุบอีกก็จะต้องเกิดประโยชน์ในรูปคดี จะได้อะไรจากการทุบเบ้าในครั้งนี้ แต่ถ้าจำเป็นต้องทุบอีกครั้งเพื่อตรวจหาหลักฐาน และตรวจว่านอกจากกะโหลกยังมีส่วนใดของศพหายไป ก็ได้คุยกับทางญาติน้องเก้าไว้แล้ว ซึ่งได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ เปิดเผยต่ออีกว่า ตำรวจได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ชอบเรื่องคุณไสย แต่ไม่ใช่กลุ่มมืออาชีพ หรือกลุ่มมือสมัครเล่น เพราะคนอีสานเชื่อว่า การนำชิ้นส่วนผีตายโหงไปทำพิธีปลุกเสกขอหวย ขอโชคลาภ เลขเด็ด และทำเสน่ห์มหานิยม เมื่ออยากได้เลขเด็ด อาจารย์ในสำนักก็สั่งให้ไปนำกะโหลกศพตายโหงมาให้ แล้วอาจารย์จะทำพิธีขอเลขเด็ดให้ ไม่ใช่ลักกะโหลกตามออเดอร์ลูกค้า หรือทำเป็นธุรกิจนำปั้นเหน่งไปขายชาวต่างชาติแน่นอน.