ผู้การอุดรธานี สั่ง จนท.เร่งสืบสวนเก็บหลักฐานพยานแวดล้อม ล่าตัวแก๊งคุณไสย ทุบเบ้าเจาะหัวกะโหลกศพเด็ก 6 ขวบ เอาไปทำปั้นเหน่ง คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้...

กรณี นางอุไรรัตน์ สุวรรณหงส์ อายุ 45 ปี ชาวอุดรธานี เข้าแจ้งความว่า ศพ ด.ช.ศุกลวัฒน์ อยู่ศรีเจริญ หรือ น้องเก้า อายุ 6 ปี 9 เดือน หลานชาย ที่เสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำ เมื่อเดือนมกราคม 2562 ก่อนจะนำศพไปบรรจุไว้ในเบ้าปูนข้างเมรุวัดส่งเสริมธรรม ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อรอให้ครบ 1 ปี ตามประเพณีอีสาน และรอแม่ที่อยู่ในเรือนจำพ้นโทษออกมาในเดือนสิงหาคมนี้ จะทำพิธีฌาปนกิจ แต่มาถูกคนร้ายทุบเบ้าเจาะหัวกะโหลก เชื่อเป็นแก๊งคุณไสย เอาไปทำปั้นเหน่ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 



ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 2 มิ.ย.2562 พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.วิบูลย์ นนทะแสง สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี นำตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี สภ.ห้วยหลวง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจที่เกิดเหตุ เบ้าปูนบรรจุศพ ด.ช.ศุกลวัฒน์ หรือ น้องเก้า พร้อมกับสอบปากคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม และวัตถุพยาน พร้อมนำพระสราวุฒิ อัคคธัมโม อายุ 45 ปี พระลูกวัดส่งเสริมธรรม ซึ่งมีกุฏิห่างจากเมรุประมาณ 200 เมตร 

...

พระสราวุฒิ ซึ่งมีการสักลายบริเวณแขน ขา และลำตัว สวมลูกประคำที่คอและข้อมือ กล่าวให้การกับตำรวจว่า ก่อนบวชได้มาอาศัยอยู่วัดนี้ และบวชมา 3 พรรษา และอยู่ที่กุฏิปูนชั้นเดียว แต่ต่อมาได้ชวนชาวบ้านที่มีฝีมือช่าง มาปรับปรุงกุฏิยกพื้นสูงที่อยู่ใกล้กัน และนอนอยู่บนกุฏิ และเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงกลางคืนได้ยินเสียงผู้หญิงสวดบทพุทธาภิเษกเสียงดังมาจากหมู่บ้าน แต่คิดว่าชาวบ้านมีงานบุญ จึงไม่ได้สนใจ 

แต่เนื่องจากพระสราวุฒิ อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงได้ตรวจค้นภายในกุฏิยกพื้นสูง ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ พบค้อน เลื่อย ชะแลง สว่านไฟฟ้า ค้อนตอกตะปู ซึ่งทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ก่อสร้าง นอกจากนี้ยังเข้าตรวจค้นกุฏิปูนชั้นเดียว พบพระเครื่องจำนวนมาก และลูกประคำ กระปุกพลาสติกบรรจุของเหลวคล้ายไขมันสีขุ่นข้น วางอยู่ในห้อง 2 กระปุก ซึ่งพระสราวุฒิอ้างว่าเป็นยานวดคลายกล้ามเนื้อและแก้ปวด ซึ่งมีเพื่อนให้มานานแล้ว แต่ไม่พบกะโหลกน้องเก้าแต่อย่างใด 

ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้ตนพร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ชุดสืบสวน สภ.ห้วยหลวง และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ได้บางส่วน ทั้งเก็บดีเอ็นเอที่จุดเกิดเหตุ และวัตถุต้องสงสัย โดยทาง ผวจ.อุดรธานี และ ผบช.ภ.4 กำชับให้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายให้ได้ คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆ นี้

“การเจาะกะโหลกไปทำปั้นเหน่ง คนร้ายที่เอาไป น่าจะเหมือนเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ที่มีเหตุลักศพ และเจาะกะโหลกศพ 2 ราย ที่จับกุมคนร้ายได้ เหตุในพื้นที่ อ.กุมภวาปี อ.ประจักษ์ศิลปาคม ผู้ต้องหา 4 ราย และ อ.น้ำโสม ผู้ต้องหา 3 ราย ตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าพ้นโทษออกจากเรือนจำหรือยัง แต่คาดว่าน่าจะออกมาแล้ว เพราะคำพิพากษาศาลตัดสินจำคุก 8 เดือน จึงสั่งการให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลเหล่านี้อีกครั้ง” พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ กล่าว

ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กล่าวถึงการตรวจค้นกุฏิพระลูกวัดในวัดป่าส่งเสริมธรรม วัดที่เกิดเหตุว่า เป็นเรื่องของงานสืบสวนที่ต้องตรวจสอบพยานหลักฐาน และวัตถุพยานที่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุดก่อน อีกทั้งพระรูปนี้ มีการรื้อและก่อสร้างกุฏิใหม่ มีเครื่องมือช่างต่างๆ ที่จะเก็บเป็นวัตถุพยานได้หรือไม่เท่านั้น ซึ่งบางอย่างที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บไปจากจุดเกิดเหตุ เช่น กระเป๋าที่ทางญาติของศพบอกว่าใส่ไปในเบ้าเก็บศพด้วย แต่ว่าหลังเกิดเหตุกระเป๋าออกมาอยู่นอกเบ้าเก็บศพ จึงต้องนำไปตรวจหาดีเอ็นเอ หลังจากนั้นจะทราบว่ามีดีเอ็นเอของใครบ้างที่กระเป๋าใบนี้

...

“ส่วนการจะเปิดเบ้าเก็บศพเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ถ้ามีวัตถุพยานที่สามารถยืนยันคนร้ายได้แล้ว ก็คงไม่ทำ เพราะหากเปิดอีกจะทำให้ญาติสะเทือนจิตใจเพิ่มขึ้น แต่ว่าหากจำเป็นต้องเปิดคงต้องขอกับทางญาติของศพให้มาทำการเปิดอีกครั้ง โดยเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกสถานีในพื้น ตรวจสอบวัด สุสาน ป่าช้าทุกแห่ง ว่ามีกลุ่มคนร้ายไปก่อเหตุเช่นนี้หรือไม่ เพราะเกรงจะเกิดเหตุเหมือนปี 2558 ที่มีหลายกลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุ"  พล.ต.ต.วรณัฏฐ์.