โป๊ะแตก โรงเรียนที่ขอนแก่นผนังชั้นหลังคา พังทับเด็กนักเรียนหญิงอนุบาลตาย 1 ครู-ผู้ปกครอง บาดเจ็บ 4 ใช้อิฐมวลเบา ก่อสร้างไม่ตรงตามแบบแปลนที่ขออนุญาต ผวจ.สั่งปิด จนกว่าจะสอบสวนเสร็จ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 เม.ย.62 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมอาคารเทศบาลตำบลบ้านเป็ด ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจจุดที่เกิดอุบัติเหตุแผ่นคอนกรีตบริเวณชั้น 3 ภายในโรงเรียนอนุบาลเพ็ญบุรี เลขที่ 186 ม.21 ริมถนนเลี่ยงเมืองพื้นที่บ้านโคกฟันโปง ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งถูกลมพายุพัดลงมาทับร่างของเด็กนักเรียนหญิง ชั้นอนุบาล เสียชีวิตคาที่ 1 ราย บาดเจ็บอีก 4 ราย เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผวจ.ขอนแก่น ใช้เวลาตรวจจุดที่เกิดเหตุ รวมทั้งดูแบบแปลนที่ทางโรงเรียนขออนุญาตก่อสร้างประมาณ 1 ชม. พบว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 และในเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ขออนุญาตต่อเติมชั้น 3 

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังตรวจจุดที่เกิดเหตุว่า โรงเรียนดังกล่าวมีนักเรียนจำนวน 400 คน ช่วงนี้ทางโรงเรียนมีการปฐมนิเทศนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนช้าและเป็นช่วงซัมเมอร์ จึงมีนักเรียนบางส่วนมาโรงเรียน และช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่มีลมพายุลมกระโชกแรงมาก ผู้ปกครองเดินทางมารับนักเรียน การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้นอกจากเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่เสียชีวิตแล้ว บิดาที่เดินทางรับลูกสาวก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย รวมครูอีก 2 คน นักเรียนอีก 2 คน ซึ่งทราบว่าทางโรงเรียนได้แสดงความรับผิดชอบในการจัดการงานศพให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมถึงการช่วยเหลือดูแลคนเจ็บทุกรายจนกว่าจะเป็นปกติ

...

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวอีกว่า ในการดำเนินการทางกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องทั้งคดีอาญาและทางแพ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ต้องทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา และได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัด ออกหนังสือคำสั่ง งดการเรียนการสอนไปจนกว่าการตรวจสอบทุกขั้นตอนจะเสร็จสิ้นและปลอดภัย ในส่วนของเทศบาลตำบลบ้านเป็ด เจ้าพนักงานท้องถิ่นนั้น ต้องกั้นอาคารจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่อันตรายห้ามใช้อาคารและต้องเข้ามาตรวจสอบ สาเหตุรายละเอียดปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะจากการตรวจสอบตามแบบแปลนที่ขออนุญาตก่อสร้างนั้น พบว่าไม่ตรงตามแบบที่ขออนุญาต เพราะตามแบบเป็นผนังทึบ แต่การก่อสร้างในบางส่วนทำกระจกขึ้นมาแทนผนัง ในจุดนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบให้มีความชัดเจน ว่ากันไปตามกฎหมาย

"หลังเกิดเหตุในโรงเรียนแห่งนี้ ผมสั่งให้ศึกษาธิการจังหวัด แจ้งเตือนไปยังสถานศึกษาทุกแห่งให้สำรวจโครงสร้างตัวอาคาร เพราะช่วงนี้ทางภาคอีสานของเราเกิดภาวะลมกระโชกแรง และใกล้เวลาที่จะเปลี่ยนผลัดจากช่วงฤดูร้อนไปสู่ฤดูฝน คาดการณ์ว่าเดือนพฤษภาคมนั้นจะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มที่ อาจจะมีเหตุการณ์ที่นอกเหนือการควบคุม จะต้องวางมาตรการในการป้องกัน”

ขณะที่ นางธัญวลัย พรรณะ อายุ 60 ปี ผู้รับใบอนุญาต กล่าวกับสื่อมวลชนว่า การก่อสร้างอาคาร มีการอนุญาตอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน เมื่อเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยเกิดขึ้น โรงเรียนไม่ได้นิ่งเฉย ดูแลคนเจ็บทุกรายให้ดีที่สุด และรับเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอโทษผู้ปกครอง ครอบครัว และทุกๆ ฝ่าย 

ส่วนการเปิดเทอม เพื่อเตรียมการเรียนการสอนนั้น นางธัญวลัย กล่าวว่า โรงเรียนจะมีการประชุมคณะกรรมการว่าจะทำการเรียนการสอนในช่วงเทอมต่อไปอย่างไร ถ้าเปิดไม่ทัน จะมีการวางแผนอย่างไร ต้องรอผลสรุปจากคณะกรรมการก่อน

ต่อมา เวลา 12.30 น. พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ศพฐ.4 เจ้าหน้าที่โยธาธิการจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบ้านเป็ด ร่วมกันตรวจจุดที่เกิดเหตุภายในโรงเรียนเอกชนที่เกิดเหตุคอนกรีตหล่นทับเด็ก 4 ขวบเสียชีวิตคาที่ขณะเกิดพายุลมแรง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบ้านเป็ด ได้ติดประกาศห้ามใช้พื้นที่ดังกล่าว และปิดกั้นบริเวณไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปในอาคารที่เกิดเหตุเด็ดขาดด้วย

พ.ต.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า หลังจากที่นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ ตรวจจุดที่เกิดเหตุด้วยตัวเองแล้ว ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจจุดที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ ศพฐ.4 เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ส่วนเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบ้านเป็ด ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น เป็นเจ้าพนักงานที่รับผิดชอบเรื่องการอนุญาตก่อสร้างอาคารและการอนุญาตให้ต่อเติมอาคาร  ได้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบด้วย

"เบื้องต้น พบว่าการก่อสร้างได้ขออนุญาตใช้อิฐแดงในการสร้างผนังทึบ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วพบว่า อิฐที่ใช้นั้นเป็นอิฐมวลเบา และยังมีการใช้ผนังที่เป็นกระจกควบคู่กันด้วย ซึ่งในจุดนี้ในฐานะพนักงานสอบสวน จะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางเช่นวิศวกรรมสถาน ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบความถูกต้องของการก่อสร้างในทุกขั้นตอน เพื่อให้มีความชัดเจนที่สุด"

...

ขณะที่ นายนันทพจน์ บุญประสิทธิ์ หน.ฝ่ายควบคุมอาคารเทศบาลตำบลบ้านเป็ด กล่าวว่า โรงเรียนมีการขออนุญาตก่อสร้าง 2 ครั้ง การขออนุญาตก่อสร้างทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง โดยทางโรงเรียนมีวิศวกรออกแบบเองและคุมการก่อสร้างเอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงได้ทราบว่า มีการใช้กระจกใส และการใช้อิฐมวลเบา สำหรับการใช้อิฐมวลเบานั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ สามารถทำได้เพราะมีน้ำหนักเบา แต่ทั้งนี้เทศบาลบ้านเป็ด จะไม่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่โยธาธิการจังหวัดขอนแก่น พนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด ทำหนังสือถึงวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ฉะนั้น ขณะนี้ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นจึงขอปิดการใช้อาคารดังกล่าวไปก่อน จนกว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จจึงจะอนุญาตให้เข้าไปใช้พื้นที่ได้

สำหรับ ประกาศที่เทศบาลตำบลบ้านเป็ดได้ติดไว้ที่หน้าอาคารดังกล่าวนั้น รายละเอียดในประกาศระบุว่า

"ประกาศพื้นที่อันตรายผนังถล่ม ด้วยอาคารเรียนโรงเรียนเพ็ญบุรี ในพื้นที่หมู่ที่ 21 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่นจังหวัดขอนแก่น ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านเป็ดได้รับใบอนุญาตก่อสร้างเลขที่ 300/2556 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2556 และได้รับใบอนุญาตดัดแปลงอาคารเลขที่ 629/2557 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2557 โดยได้รับอนุญาตในนามนางธัญวลัย พรรณะ นั้น เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 16.30 น เกิดผนังอาคารบริเวณชั้นหลังคาด้านทิศตะวันออกพังทลาย ถล่มตกลงบริเวณห้องโถงชั้นล่างอันเป็นเหตุทำให้บุคคลเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ 2596 แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 13 มาตรา 50 (1) กำหนดให้เทศบาลมีหน้าที่รักษาความสงบของประชาชนดังนี้ เทศบาลตำบลบ้านเป็ดจึงประกาศให้พื้นที่อาคารเรียนดังกล่าวทั้งหมดในระยะรัศมี 40 เมตร เป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวังอันตรายจากผนังอาคารเรียนถล่มในระยะเวลา 60 วันนับแต่วันที่ประกาศนี้ประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน 2562 และในคราวเดียวกันนี้เทศบาลตำบลบ้านเป็ด ยังได้ติดประกาศ คำสั่งห้ามใช้อาคาร หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตรายตามมาตรา 40 วรรคหนึ่งหรือมาตรา 41 วรรคหนึ่ง"

...