ศาลพิพากษายกฟ้องรองประธานสภา อบจ.สระแก้วกับนายกเล็กคลองหาด สองพี่น้อง หลังถูกฟ้องฐานจ้างวานฆ่า “เจ๊สายันต์” กับสามี เศรษฐีเจ้าของตลาดโรงเกลือ เนื่องจากไม่มีประจักษ์ พยานยืนยัน อีกทั้งพยานโจทก์ที่นำสืบเป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่มีน้ำหนัก ส่วนคนลงมือฆ่าถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
จากกรณีคนร้ายฆ่าปาดคอนางสายันต์ จันทราหรือเจ๊สายันต์ อายุ 64 ปี กับนายพิพัฒน์ ตั้งพงศ์ทอง หรือเสี่ยกวง อายุ 71 ปี สองสามีภรรยาเศรษฐี ตลาดโรงเกลือและคลองหาด จ.สระแก้ว เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 10 บ้านไทยพัฒนา ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 5 คน คือ 1.นายวิชัย หรือต่อ พุ่มเรือง อายุ 45 ปี คนขับรถนายกเทศมนตรีตำบลคลองหาด 2.นายนพรุจ รุประมาณ หรือต้อม 3.นายวิชิต หรือโล๊ะ อินทร์แก้ว คนลงมือฆ่า 4.ร.อ.สุเทพ มากสาคร หรือ นายกเต่า นายกเทศมนตรีตำบลคลองหาด ผู้จ้างวาน 5.ร.อ.ทองทศ มากสาคร รองประธานสภา อบจ.สระแก้ว ผู้จ้างวาน และ 6.นางมณีรัตน์ โกทันย์ หรือเจ๊เยาว์ ผู้ประสานงาน
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ศาลจังหวัดสระแก้วได้อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยอัยการจังหวัดสระแก้วเป็นโจกท์ยื่นฟ้องทั้ง 6 คน ในข้อหาร่วมกัน ฆ่าโดยไตร่ตรอง โดยจำเลยที่ 1.นายวิชัย พุ่มเรือง จำเลยที่ 2.นายนพรุจ รุประมาณ จำเลยที่ 3.นายวิชิต อินทร์แก้ว จำเลยที่ 4.ร.อ.สุเทพ มากสาคร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลคลองหาด (นายกเต่า) จำเลยที่ 5.ร.อ.ทองทศ มากสาคร รองประธานสภาฯ อบจ.สระแก้ว และจำเลยที่ 6.นางมณีรัตน์ โกทันย์ หรือเจ๊เยาว์
ศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 4, 5 ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากไม่มีประจักษ์ พยานยืนยัน อีกทั้งพยานโจทก์ที่นำสืบเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักพอที่ศาลจะรับฟังได้แต่ให้จำคุกจำเลยที่ 1 คือนายวิชัย พุ่มเรือง เป็นเวลา 6 เดือน ในฐานความผิดพกพาอาวุธปืนโดย ไม่ได้รับอนุญาต ปรับเป็นเงิน 2 พันบาท ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
...
ส่วนจำเลยที่ 6 คือ นางมณีรัตน์ โกทันย์ หรือ เจ๊เยาว์ โทษจำคุกเป็นเวลา 4 เดือน ในฐานความผิด พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โทษจำคุกไม่รอลงอาญา ขณะที่จำเลยที่ 3 นายวิชิต อินทร์แก้ว หรือ โล๊ะ ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เนื่องจากจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีแล้วว่าเป็นผู้ลงมือสังหารสองสามีภรรยา
นอกจากนี้ ยังมีประจักษ์พยานจากกล้องวงจรปิดและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งลายนิ้วมือและดีเอ็นเอที่ปากขวดเหล้าที่กินทิ้งไว้ในบ้านผู้ตายที่จำเลยได้กินก่อนลงมือสังหาร หลังจากที่ ศาลพิจารณาคดีเสร็จสิ้น นายวิชิต อินทร์แก้ว จำเลยที่ 3 มีสีหน้าเรียบเฉย ส่วน ร.อ.สุเทพกล่าวหลังทราบ คำพิพากษาว่า ได้ต่อสู้มาตลอดตั้งแต่ต้น หลังถูกโยนให้เป็นผู้สั่งการ ตนได้พิสูจน์ให้ทราบมาตลอดและขอขอบคุณศาลที่เมตตาให้ความยุติธรรม