มาครบ "ครูจอมทรัพย์" พร้อมพวก เดินทางขึ้นศาลจังหวัดนครพนม เพื่อฟังคำตัดสิน "คดีปั้นพยานเท็จ" พบยังยิ้มออก พร้อมปัดให้สัมภาษณ์ ด้านทนายน้อมรับทุกคำตัดสิน และขอสู้ให้ถึงที่สุด...
จากกรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 57 ปี อดีตข้าราชการครู ที่เคยออกมาเรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นคดี หลังเคยถูกดำเนินคดีขับรถชนคนตาย เมื่อปี 2554 และได้รับการอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 จึงมีการร้องต่อกระทรวงยุติธรรม โดยอ้างว่าตกเป็นแพะในคดี ตามข่าวที่เคยเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดนครพนม มี นายประทีป นวลเศรษฐ อายุ 57 ปี ทนายความ พร้อม นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 57 ปี ได้เดินทางมาพร้อมพวกที่ตกเป็นจำเลยในคดีปั้นพยานเท็จ รวม 7 คน เดินทางมาตามนัด เพื่อฟังคำตัดสินของศาลจังหวัดนครพนม
ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 พ.ย.60 ศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ได้ยกคำร้อง ยืนตามศาลชั้นต้น หมายถึง ครูจอมทรัพย์ ผิดจริง ทำให้ถูกตำรวจดำเนินคดี ใหม่ รวมข้อหาฐานความผิดเกี่ยวกับเบิกความเท็จ ให้การเท็จ รวมถึงข้อหาหนักซ่องโจร รวมกับพวกที่เกี่ยวข้อง อีก 7 คน มี 1. นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนสนิท ที่เป็นหัวหน้าทีมจ้างพยานเท็จ 2. นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 3. นางทองเรศ วงศ์ศรีชา พยานปากสำคัญที่เคยออกมายืนยันว่า ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้ขับรถชนคนตาย 4. นายเสน่ห์ สุพรรณ 5. นางรจนา จันทรัตน์ เพื่อนครูจอมทรัพย์ 6. นางวาสนา เพ็ชรทอง ซึ่งเป็นหลานสาว และ คนที่ 7 คือ นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีครูจอมทรัพย์
ขณะที่ ในวันนี้ศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดฟังคำตัดสิน เวลา 09.30 น. คาดว่าในเที่ยงวันนี้จะทราบผล ว่าครูจอมทรัพย์ จะถูกตัดสินจำคุกอีกหรือไม่ ซึ่งทางทนายยืนยันว่า ผลตัดสินออกมาอย่างไรก็น้อมรับ และขอสู้ตามกระบวนการตามกฎหมายถึงที่สุด ส่วนครูจอมทรัพย์ ไม่ขอให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และยังมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
...
ทางด้าน นายสับ วาปี พยานปากสำคัญที่เคยออกมารับว่าเป็นคนขับรถพร้อมภรรยา คือ นางจันทร์ วาปี เมื่อวันที่ 25 ก.ย.61 ศาลจังหวัดนครพนม ได้มีคำพิพากษาตัดสินไปก่อนนี้ ซึ่งจำเลยได้ให้การรับสารภาพ จึงได้รับการลดโทษครึ่งหนึ่ง คือ จำคุก 2 ปี 10 เดือน ส่วน นางจันทร์ วาปี จำคุก 1 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญาทั้ง 2 ราย หลังมีคำพิพากษา พร้อมได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาล และยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว รอการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ต่อไป.