คืบหน้าครูสาวกาฬสินธุ์ร้องถูกปลอมเอกสารเงินกู้สหกรณ์เอาเงินไปจากบัญชี และถูก ขรก.นายหน้าหักหัวคิว ล่าสุด รองผู้ว่าฯ เผย ตั้ง กก.สอบสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ แล้ว พบใครเกี่ยวข้องดำเนินการทันที...
ความคืบหน้ากรณีนางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี ครูวิทยฐานะชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี มารดา เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด และได้รับการอนุมัติเงินกู้จำนวน 2,000,000 บาท ที่ถูกนายหน้าที่เป็นข้าราชการครูหักหัวคิวค่าดำเนินการ 13 เปอร์เซ็นต์ และหักเป็นค่าหุ้น 419,700 บาท เหลือ 1,580,300 บาท แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินกู้ไปจนหมดบัญชี ก่อนที่จะเข้าทวงถามความรับผิดชอบกับสหกรณ์ฯ พร้อมเรียกร้องให้ครูที่ถูกเอาเปรียบหักค่าหัวคิวออกมาเปิดโปงขบวนการดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในส่วนของ จ.กาฬสินธุ์ ขึ้นมาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมีนายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รองผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธาน และมี พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง.ผอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายรณชัย ภูครองทอง สหกรณ์จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการเข้าตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาของนางเยาวลักษณ์ ภูชุม ที่เข้ามาร้องทุข์กับศูนย์ดำเนินการ เพื่อให้ช่วยเหลือหลังจากถูกเบิกเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด 1,580,300 บาท รวมทั้งขบวนการหักหัวคิวจากผู้เงิน 13%

...
นายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กล่าวว่า หลังจากครูเยาวลักษณ์ผู้เข้ามาร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความช่วยเหลือทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์จึงได้มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริง โดยล่าสุดได้เรียกนางเยาวลักษณ์เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมแล้วที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแล้ว
รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการจะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องตามสถานะ และพฤติการณ์ว่าใครมีความผิดอะไรและเกี่ยวข้องบ้าง โดยเฉพาะทางคดีอาญาก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งใครที่เป็นราชการและเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการทางวินัย และในส่วนความเสียหาย เนื่องจากว่าเป็นการกู้ยืมเงินแต่คนที่กู้กลับไม่ได้รับเงินผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมารับผิดชอบทางแพ่ง ซึ่งหากพบว่าผู้ใดมีการกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดอย่างเด็ดขาดทันที

ขณะที่ พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ชูชาติ อุทธิสินธ์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์เจ้าของคดี ได้เดินทางเข้าขอเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการกู้เงินและเอกสารเกี่ยวกับการเบิกเงินของนางสาวเยาวลักษณ์ รวมทั้งเอกสารจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ ฝ่ายการเงิน ผู้อนุมัติเงินกู้ ฝ่ายทุนหุ้น และเอกสารประวัติของเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด เพื่อนำไปประกอบสำนวนและตรวจสอบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวบ้าง ตั้งแต่การขอกู้เงิน การตรวจสอบเอกสารเงินกู้ การอนุมัติเงินกู้ และการเบิกเงินออกไปจากสหกรณ์ฯ พร้อมกับนำเอกสารทั้งหมด โดยเฉพาะใบมอบฉันทะและใบแสดงตัวตนผู้รับมอบฉันทะส่งไปเปรียบเทียบลายมือกับนางเยาวลักษณ์ ว่ามีการปลอมลายชื่อเบิกเงินจริงหรือไม่ และเปรียบเทียบพิสูจน์ว่าเป็นลายมือของใครที่เขียนในเอกสารแล้วนำไปเบิกเงินเพื่อที่จะเชิญตัวมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อไป.