เศร้า!"เจ๊ยุ เขียงเนื้อ"ตายแล้ว ผัวโวยสื่อออกข่าวมั่ว ตำรวจให้ข้อมูลเท็จ ขอเจ้าหน้าที่เร่งเอาคนงาน 3-4 คน ที่ชอบมานั่งกินในร้านไปสอบ เนื่องจากยอมรับว่ามักเห็นตนและภรรยานั่งนับเงินบ่อยครั้ง ส่วนน้องชายว่ากันไปตามกฎหมาย 

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 ธ.ค.2561 ที่บ้านเลขที่ 75 ม.5 บ้านร่องดูก ต.กุดเพียขอม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นางยุภาภร บุราญรัตน์ หรือ เจ๊ยุ อายุ 44 ปี เจ้าของเขียงเนื้อ นายทวีศักดิ์ สารทรัพย์ ยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะทำงาน ได้เข้าพบ นายวรวิทย์ บุราญรัตน์ อายุ 48 ปี สามีเจ๊ยุ และเคารพศพเจ๊ยุ ซึ่งเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น ในช่วงสายที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์และยิงเจ๊ยุ จนบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 15 ธันวาคม 2561 ภายในบ้านเลขที่ 162 พื้นที่บ้านโนนข่า ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งหลังเกิดเหตุกู้ชีพ รพ.บ้านไผ่นำส่ง รพ.แต่อาการหนัก จึงถูกส่งตัวเข้ารักษาต่อที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น กระทั่งเสียชีวิต สามีและญาติพี่น้องได้รับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิด

...

โดย นายทวีศักดิ์ สารทรัพย์ ยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองเหยื่อในคดีอาญา ให้กับสามีและญาติเจ๊ยุ เข้าใจ เพื่อเตรียมเอกสารรับเงินเยียวยาจากกองทุนยุติธรรม โดยญาติพี่น้องต่างให้สามีเจ๊ยุเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งสามีเจ๊ยุได้ฝากเรื่องให้ยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น ช่วยดูเรื่องคดีที่เกิดขึ้น เนื่องจากครอบครัวอึดอัดใจที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน วนเวียนสอบแต่คนในครอบครัว เหมือนว่าคนในครอบครัวทำร้ายกันเอง ในเรื่องนี้ครอบครัวไม่สบายใจ ซึ่งยุติธรรมจังหวัดกล่าวว่า จะช่วยดูเรื่องคดี และจะสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนสภ.บ้านไผ่ แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายทำงานตรงไปตรงมา อาจจะมีบ้างที่บางข้อมูลไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังเชื่อว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน

ในเวลาต่อมา นายวรวิทย์ บุราญรัตน์ อายุ 48 ปี สามีเจ๊ยุ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในครอบครัว ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก สร้างความวิตกกังวลแก่คนในครอบครัว เพราะข่าวออกมาไม่เป็นความจริง ไม่เคยคิดฆ่าภรรยาตัวเอง มีแต่ทำให้ภรรยามีความสุข พี่น้องเพื่อนบ้านทราบดี

“ทรัพย์สินเมียผมหายไปจริง ทองที่ใส่ติดตัวรวมน้ำหนัก 25 บาท หายไป ทองที่อยู่ในกระเป๋าที่ภรรยาเพิ่งซื้อมาอีกน้ำหนักรวม 20 บาท สร้อยคอของลูกชายอีก 5 บาท รวมเป็นทองที่หายไปทั้งหมด 50 บาท ส่วนเงินสดที่หายไปนั้นไม่ได้นับ แต่เป็นเงินในส่วนที่ขายวัว 17 ตัว ตัวละ 30,000 บาท รวมอยู่ในกระเป๋าถือของภรรยา ที่มีทั้งเอกสารสำคัญต่างๆ มากมายที่คนร้ายได้ไป เงินในส่วนที่เหลืออยู่และเก็บไว้ในรถยนต์อีกหลายแสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการค้าขาย ไม่เกี่ยวกับเงินขายวัว รายละเอียดผมบอกตำรวจไปหมด แต่ตำรวจกลับมาบอกว่า ทรัพย์สินยังอยู่ครบ และดูเหมือนว่าสงสัยคนในครอบครัว ซึ่งไม่มีความเป็นธรรมให้กับครอบครัวผมเลย”

นายวรวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า การทำคดีก็เช่นกัน ตนเองให้ข้อมูลกับตำรวจไปแล้วว่า ที่บ้านนอกจากมีเขียงเนื้อขายเนื้อสดแล้ว ภรรยาเปิดขายลาบก้อยด้วย มักจะมีคนงาน 3-4 คน เข้ามานั่งดื่มกินประจำ และคนงานเหล่านี้ก็จะเห็นตนและภรรยานับเงินทีละจำนวนมาก บ่อยครั้ง รวมทั้งชอบหยอกเล่นกับหลานชายด้วย อยากให้ตำรวจเอาคนงานเหล่านี้มาสอบสวน เพราะถ้าล่าช้าคนร้ายก็หนีรอด ไม่ใช่มาจ้องจับผิดคนในครอบครัว ในส่วนของนายวุฒิ น้องชายตนที่ถูกจับนั้น ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยส่วนตัวเชื่อหลานชายวัย 4 ขวบ แต่น้องชายจะก่อเหตุจริงหรือไม่จริงว่ากันตามกฎหมาย