ภายหลัง นายทุนขึ้นป้ายประกาศขายที่ดิน จำนวน 33 ไร่ ที่บ้านสะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พร้อมประกาศห้ามบุกรุก โดยที่แปลงนี้ เป็นที่ดินพิพาทระหว่างแม่นกน้อย อุไรพร เจ้าแม่หมอลำอีสาน และนักธุรกิจสาวชาวไทยในอเมริกา ถึงกับต้องร้องขอความช่วยเหลือจาก “บิ๊กโจ๊ก”

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ถึงกรณีพิพาท ระหว่าง นางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 47 ปี นักธุรกิจสาว ที่แจ้งความ นางอุไร ฉิมหลวง หรือ นกน้อย อุไรพร อายุ 61 ปี ศิลปินหมอลำชื่อดัง วงเสียงอิสาน ในข้อหา “ฉ้อโกง” โดยเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทางนางสุดารัตน์ และทนาย พร้อมทนายความของนกน้อย และทนายความของนายทุน จะเจรจาไกล่เกลี่ยไถ่ถอนที่ดิน 33 ไร่ นางสุดารัตน์ ที่ขายฝากไว้กับนายทุน 3.8 ล้านบาท แต่ทางตำรวจได้เรียกมาไกล่เกลี่ย แจ้งว่าทางนายทุนยอมลดหนี้เหลือ 2.1 ล้านบาท แต่กลับวงแตก เพราะทนายความของนายทุน บอกหากจะไถ่ถอนที่ดิน จะต้องไถ่ถอนราคา 3.8 ล้านบาท พร้อมค่าทนาย และค่าดำเนินการ เพราะสัญญาสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้ ซ้ำยังทนายความฝั่งนายทุน ลุกขึ้นโวยวาย ท้าทาย ตำรวจเมืองอุดรฯ 7 นาย ระบุไม่กลัว เพราะคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา 

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางตรวจสอบที่ที่ดินของ นางสุดารัตน์ ที่จำนองกับนายทุน โดยเป็นที่ดินเปล่า 33 ไร่ อยู่ที่ บริเวณบ้านสะแบง ต.สะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พบว่าที่ดินจำนวน 33 ไร่ อยู่ติดถนนสายหนองหาน-สะแบง แต่มีป้ายข้อความของนายทุน ได้ขึ้นป้ายประกาศขายที่ดินแปลงนี้แล้ว พร้อมเขียนข้อความว่า “ขายที่ดินแปลงนี้ เนื้อที่ 33 ไร่ โทร 062-xxxxxxx ห้ามบุกรุก”

อย่างไรก็ตาม ที่ดินแห่งนี้ "แม่นกน้อย" เจ้าของวงดนตรีเสียงอิสาน ได้ขอยืมไปจำนองกับนายทุนใน จ.อุดรธานี เป็นเงิน 3.8 ล้านบาท  (มูลค่าที่จริง 49 ล้านบาท) เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในวงดนตรี และสัญญากับนางสุดารัตน์ ว่า จะทำการไถ่ถอนมาคืนให้ภายในระยะเวลา 3 เดือน กระทั่งผ่านล่วงเลยมาร่วม 4 ปี ยังไม่มีการไปไถ่ถอนคืน กระทั่งวันนี้ที่ดังกล่าวถูกนายทุนยึดเนื่องจากให้เหตุผลว่า ไม่มีการต่อสัญญา จนนางสุดารัตน์ ได้ร้องเรียนสื่อมวลชน จนทาง นกน้อย อุไรพร ออกมาแถลงข่าวว่า เป็นการร่วมทุนกันทำธุรกิจ

...

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ ติดต่อ นางสุดารัตน์ เพื่อนัดขอสัมภาษณ์เรื่องที่เกิดขึ้น แต่นางสุดารัตน์ ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมบอกสั้นๆ ว่า ทราบจากทางญาติพี่น้องที่อยู่ที่บ้านสะแบงว่า นายทุนมาติดประกาศขายที่ดินของตนที่จำนองไว้ ซึ่งตนก็ตกใจ ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ถูก ได้ปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่ และได้ขอความเมตตา ช่วยเหลือไปที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.ด้วยตนเอง ซึ่งท่านรับปากจะส่งทีมงานมาดูแลและแก้ปัญหาให้ตนแล้ว และหวังว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี ไม่มีการโกหกพลิกลิ้นกันเหมือนที่ผ่านๆ มา 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ตนเองทราบข่าวเรื่องคดีดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ไม่ทราบรายละเอียดลงลึก และเชื่อว่าทางพื้นที่ สภ.เมืองอุดรธานี จะจัดการเรื่องราวได้ กระทั่ง ล่วงเลยมาหลายเดือน เรื่องยังไม่จบ ทางเจ้าของที่ก็ได้รับความเดือดร้อนหนัก ส่วนคู่กรณีเอง ยังนิ่งเฉย บอกเพียงให้เรื่องเข้ากระบวนการทางกฎหมาย ส่วน นายทุนได้ประกาศ ปักป้าย ขายที่ดินผืนดังกล่าวไปเมื่อวานนี้ 

"เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และอยากให้เรื่องราวจบลงโดยเร็ว จึงได้ส่งตำรวจที่รับผิดชอบเรื่องการไถ่ถอดโฉนดที่ดินโดยตรงลงไปตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด พร้อมพูดคุยขอข้อมูลถึงความเป็นมาใหม่ทั้งหมด และจะบังคับใช้กฎหมายตามความผิดจริงที่ปรากฏ ยืนยันว่าทีมงานพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ในส่วนที่มีข้อมูลว่า ทางทนายความขอฝั่งนายทุน ลั่นวาจาต่อหน้านายตำรวจเมืองอุดรธานี ทั้ง 7 นาย ว่าไม่กลัวถูกดำเนินคดีเรื่องการคิดดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น จะทำการสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง "