เมียฝรั่งฝากเงินเข้าแบงก์ หาย 4.8 แสน เหลือ 680 บาท ล่าสุด พบใครคนหนึ่งกดเงินออกจากบัตรเอทีเอ็ม เป็นคนที่เจ้าของบัญชีไว้ใจ...
จากกรณีสาวใหญ่วัย 47 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ พร้อมสามีชาวสวีเดน ฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งมาโดยตลอด แต่ต่อมาภายหลัง พบว่าเงินหายไปจากบัญชี 480,000 บาท เหลือ 680 บาท จนเธอและสามีต้องเดินทางกลับมาจากประเทศสวีเดน เพื่อติดตามเงินจำนวนดังกล่าว จากนั้นได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ธนาคารดัง ตอบปมสาวใหญ่ชัยภูมิ ฝากเงิน 4.8 แสนล่องหนปริศนา เหลือ 680 บาท!)
พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ เปิดเผยคืบหน้าล่าสุดกับทีมข่าวเจาะประเด็นว่า ในกรณีที่จะมีการดำเนินคดีนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1. เงินจำนวน 480,000 บาทที่หายไปนั้น ถือว่าอยู่ในความครอบครองดูแลของธนาคาร หากตรวจพบว่ามีการแฮกข้อมูล ธนาคารถือว่าเป็นผู้เสียหาย แต่ทางธนาคารก็ต้องดำเนินการคืนเงินให้แก่ลูกค้าด้วย

...
2. หากตรวจพบว่า เงินจำนวน 480,000 บาทที่หายไปนั้น เป็นการสั่งซื้อสินค้าที่เกิดจากฝ่ายลูกค้าหรือเจ้าของบัญชีเอง ฉะนั้น เจ้าของบัญชีสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไป
“แต่ในอีกกรณีหนึ่ง หากพบว่า เจ้าของบัญชีนำเงินไปใช้เอง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ฐานแจ้งความเท็จได้” พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ กล่าว
พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ กล่าวถึงข้อสังเกตจากธนาคารว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทางธนาคาร ตรวจสอบพบว่า วันที่ 16-17 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่เงินเริ่มสูญหายไป มีผู้นำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดที่ตู้เอทีเอ็ม โดยพบว่าคนที่นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินนั้น เป็นบุคคลที่ผู้เสียหายไว้ใจให้เป็นผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม เนื่องจากผู้เสียหายมีลูกอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ จึงให้บุคคลใกล้ชิดถือเอทีเอ็ม เพื่อการใช้จ่ายของลูก.
อ่านข่าวเพิ่มเติม