ศาลนครพนมตัดสินจำคุก สับ วาปี พร้อมเมีย 2 ปี 10 เดือน และ 1 ปี 9 เดือน ตามลำดับ โดยไม่รอลงอาญา ในคดีเบิกความเท็จ ช่วยครูจอมทรัพย์ ลุ้นต่อพิพากษาครูจอมทรัพย์ ดีเดย์ 6 มีนาคม ปีหน้า...


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี ครูจอมทรัพย์ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 56 ปี อดีตข้าราชการครูชาวสกลนคร ที่ออกมาร้องกระทรวงยุติธรรม ให้มีการรื้อฟื้นคดี หลังถูกศาลจังหวัดนครพนมตัดสินจำคุกฐาน ความผิดขับรถชนคนตาย คือ นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 74 ปี ชาวบ้าน ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม เหตุเกิดบริเวณถนน ระหว่าง ต.พระซอง กับ อ.เรณูนคร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554

ภายหลังศาลจังหวัดนครพนม ตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 และได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน และออกมาร้องให้รื้อฟื้นคดี อ้างว่า ไม่ได้เป็นคนขับ และเป็นแพะในคดี จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ได้มีคำสั่งให้ศาลจังหวัดนครพนม รื้อฟื้นพิจารณาคดีใหม่ สุดท้ายมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ยืนตามศาลชั้นต้น ให้ครูจอมทรัพย์ มีความผิดจริง และยกคำร้องรื้อฟื้นคดี หมายถึงมีความผิดจริง บวกกับมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า มีขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ ทำให้ตำรวจมีการรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ ดำเนินการจับกุม ครูจอมทรัพย์ พร้อมพวก มีนายสุริยา นวลเจริญ ซึ่งเป็นผู้วางแผนสร้างพยานเท็จ รวมถึง อดีตสามี คือ นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร และบุคคลเกี่ยวข้อง รวม 11 ราย ฐานความผิด 4 ข้อหาหนัก แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ร่วมกันเบิกความเท็จ และซ่องโจร ส่งอัยการฟ้องศาล ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560

ทั้งนี้ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ พบหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงเอาผิดขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ ของครูจอมทรัพย์ คือ มีหลักฐานการนำบุคคลมารับผิดแทน ว่าเป็นคนขับรถ ถึง 2 คน คือ คนแรก คือ นายเสริฐ รูปสะอาด ซึ่งออกมารับสารภาพว่าถูกว่าจ้างให้มารับผิดแทน จากนั้น มี นายสับ วาปี ออกมารับผิดเพิ่ม เนื่องจาก นายเสริฐ รูปสะอาด ขับรถไม่เป็น จึงมีการวางแผนหาคนรับผิดแทน เป็นที่มาของการขยายผล เอาผิดทั้งขบวนการ

...

ล่าสุดจากการตรวจสอบความคืบหน้าของคดี พบว่า ศาลจังหวัดนครพนม ได้มีคำพิพากษาตัดสิน ตามคดีหมายเลขดำที่ 290/2561 คดีหมายเลขแดงที่ 4645/2561 วันที่ 25 กันยายน 2561 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดนครพนม โจทก์ กับ นายสับ วาปี จำเลยที่ 1 นางจันทร์ วาปี จำเลยที่ 2 โดยได้พิพากษาตัดสิน จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 172 และ 267 ประกอบมาตรา 83, 177 วรรคสอง 210 วรรคหนึ่ง การกระทำจำเลย มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิด ตาม ป. อาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จ แก่เจ้าพนักงาน จำคุก 2 เดือน ฐานร่วมกันแต่งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา และฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐาน จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล จำคุก 3 ปี แต่มีการเพิ่มโทษ 1 ในสาม คือเป็น 4 ปี ฐานซ่องโจร 1 ปี

ทั้งนี้ จำเลยที่ 1 รับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษ กระทงละกึ่งหนึ่ง รวมจำคุก 2 ปี 10 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2 นางจันทร์ วาปี รวมจำคุก 1 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วน ครูจอมทรัพย์ กับ นายสุริยา นวลเจริญ พร้อมพวกที่เหลือ ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว รอการพิจารณาของศาล หลังมีการไต่สวนจนครบ และมีรายงานว่า จะมีการพิจารณาตัดสินคดี ครูจอมทรัพย์ ในวันที่ 6 มีนาคม 2562.