ศุลกากรหนองคาย จับ 2 หนุ่ม ลักลอบขนโทรศัพท์ไอโฟนจากลาวหลายรุ่น รวม 150 เครื่อง เข้าประเทศ รับสารภาพข้ามไปซื้อที่เวียงจันทน์ นำมาขายหน้าร้านและออนไลน์ที่โคราช ฟันกำไรจากส่วนต่างราคา

เวลา 13.00 น. วันที่ 16 ส.ค. 61 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่สุ่มตรวจรถยนต์ส่วนบุคคลและรถแท็กซี่โดยสารระหว่างประเทศ โดยได้เรียกตรวจรถยนต์แท็กซี่ยี่ห้ออีซูซุ ไทยรุ่ง สีแดง ทะเบียน ฌข 8 หนองคาย มีนายวิสูตร รัตนะ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1038 หมู่ 9 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย เป็นคนขับรถ และมีนายสมศักดิ์ อุปถัมภ์วิเชียร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 6 ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้โดยสารนั่งมาในรถ

เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจพบพิรุธ และบริเวณใต้เบาะรถใช้ผ้าปกปิดบางอย่างไว้ เปิดดูพบว่าเป็นกล่องโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน หลายกล่อง จึงได้ควบคุมตัวไว้ ก่อนตรวจสอบรถยนต์โดยละเอียดพบว่าบริเวณใต้เบาะรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีการวางกล่องใส่โทรศัพท์ไอโฟน รุ่นต่างๆ เช่น ไอโฟน 5, ไอโฟน 6, ไอโฟน 6 พลัส, ไอโฟน 7, ไอโฟน 7 พลัส สภาพใหม่แกะกล่อง 146 เครื่อง และโทรศัพท์ไอโฟนซึ่งนำไปซ่อมอีก 4 เครื่อง รวม 150 เครื่อง ทั้งหมดเป็นไอโฟนเครื่องแท้

...

นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายได้เข้มงวดตรวจสอบรถยนต์ที่ผ่านเข้าออกบริเวณด่านพรมแดนฯ ในครั้งนี้เป็นการสุ่มตรวจพบมีการกระทำผิดดังกล่าว สอบถามเบื้องต้นนายสมศักดิ์ ให้การว่า เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ จ.นครราชสีมา โดยขายทั้งหน้าร้านและขายออนไลน์ ซึ่งได้ข้ามไปซื้อเครื่องไอโฟนหลายรุ่นที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ครั้งละประมาณ 50-80 เครื่อง ทำมาแล้ว 3 ครั้ง เพราะราคาเครื่องในประเทศไทยกับ สปป.ลาว ค่อนข้างแตกต่างกันมาก เมื่อไปซื้อมาแล้วก็จะนำมาวางขายหน้าร้านและขายออนไลน์ ซึ่งในครั้งนี้โทรศัพท์ของกลางมีมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งศุลกากรจะยึดไว้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 นำของต้องห้ามต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะมีอัตราโทษปรับ 2 เท่าของมูลค่าสินค้า

นอกจากนี้ ต้องยึดรถที่ใช้ในการกระทำความผิด กรณีนี้เป็นรถแท็กซี่โดยสารระหว่างประเทศ ก็จะยกเลิกการอนุญาต ทำให้นายวิสูตร รัตนะ คนขับรถแท็กซี่ ไม่สามารถมาขับรถให้บริการที่ด่านพรมแดนฯได้อีก พร้อมกับทำบันทึกจับกุมและเปรียบเทียบปรับตามระเบียบศุลกากรต่อไป.