อธิบดีกรมชลประทานตรวจสภาพเขื่อนน้ำอูน หลังระดับน้ำเกินความจุจนล้นสปิลเวย์ สั่งเพิ่มท่อกาลักน้ำอีก 15 ท่อ เพื่อเร่งระบายวันละ 1 ล้าน ลบ.ม. ยันท้ายเขื่อนไม่มีผลกระทบ...

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2561 เวลา 10.00 น. นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และมอบนโยบายในการบริหารจัดการน้ำ ที่บริเวณเขื่อนน้ำอูน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำอูน ต.แร่ อ.พังโคน จ.สกลนคร โดยมีนายเกรียงไกร กุลจิตบวร ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำอูน จ.สกลนคร พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมหารือและรับมอบนโยบาย ล่าสุดวันนี้ ปริมาณน้ำในเขื่อนน้ำอูนอยู่ที่ +185.060 ท.รทก. ปริมาณน้ำในอ่าง 525.17 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 100.99 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าเมื่อวาน (2 ส.ค.61) เล็กน้อย ระดับน้ำภายในเขื่อนเริ่มล้นปากกระโถน (สปิลเวย์) คิดเป็น 0.106 ล้าน ลบ.ม./วัน ระบายลงสู่คลองชลประทาน ก่อนจะเข้าลำน้ำอูน แม่น้ำสงคราม และลงสู่น้ำโขง ที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ระยะทางประมาณ 140 กม. 

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ในเขื่อนทั้ง 35 แห่ง เขื่อนน้ำอูนถือเป็นอันดับ 1 ที่มีน้ำสะสมจำนวนมากเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว เนื่องจากในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่จังหวัดสกลนครเกิดฝนตกหนาแน่น มีน้ำเข้าเขื่อนน้ำอูนเฉลี่ยคิดเป็นวันละ 16 ล้าน ลบ.ม. แต่เขื่อนน้ำอูนสามารถระบายน้ำตามภาวะปกติได้วันละ 2.4 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ลำน้ำอูนตลอดระยะทาง 140 กม.ไปยังจุดลงสู่น้ำโขง ที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ยังมีระดับน้ำเฉลี่ยต่ำกว่าตลิ่งอยู่ที่ 50-120 ซม. และยังไม่กระทบต่อพี่น้องประชาชน

...

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า หากถามว่าเมื่อน้ำเกิน 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะวิกฤติไหม ในเรื่องนี้ก็อยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ ตามมาตรฐานการก่อสร้างเขื่อนทั้งประเทศเป็นไปตามหลักสากล มีมาตรฐานสูง มีความคงทนแข็งแรง และมีการเผื่อพื้นที่รับน้ำ ในกรณีฉุกเฉินอีกกว่า 50% ดังนั้นเขื่อนน้ำอูนยังสามารถรับมวลน้ำได้อีกกว่า 260 ล้าน ลบ.ม. ถึงจะล้นสันเขื่อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นไปได้ยากมาก ด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ บูรณาการการทำงานกับทุกหน่วยงาน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในพื้นที่ ทั้งด้านการเกษตร และการป้องกันปัญหาน้ำท่วม 

นายทองเปลว กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีเพื่อความไม่ประมาท โดยเราก็ได้รับแจ้งมาจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ในช่วงวันที่ 5-8 ส.ค. นี้ ฝนจะตกหนาแน่นในภาคเหนือและภาคอีสาน กรมชลประทานจึงได้ติดตั้งระบบผันน้ำ แบบกาลักน้ำบริเวณสันเขื่อนน้ำอูน ใกล้กับปากกระโถน เพื่อช่วยระบายน้ำออกจากเขื่อนเพิ่มเติม ปัจจุบันเราติดตั้งท่อระบบกาลักน้ำไปแล้ว 10 ท่อ สามารถระบายน้ำออกได้วันละ 400,000 ลบ.ม./วัน ทำให้การระบายน้ำรวมในปัจจุบันอยู่ที่ 3.15 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวด้วยว่า แต่กระนั้นเราก็จะเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำขึ้นอีก โดยจะเร่งติดตั้งท่อกาลักน้ำเพิ่มเติมอีก 15 ท่อ คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งจะทำให้ระบบกาลักน้ำมีกำลังการระบายน้ำรวม 1 ล้าน ลบ.ม./วัน จากมาตรการดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนน้ำอูนลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับมวลน้ำซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นประชาชนจึงมั่นใจได้.