ครูโคราชออกโรงเป็นหนี้กว่า 26,000 คน เรียกร้อง "นายกฯ" สั่งการให้มีการรวมหนี้ทุกสถาบัน ลดดอกเบี้ย ยืดระยะเวลาการชำระหนี้ ตั้งกองทุนพิเศษ ครูวอนขอเมตตาถ้าไม่ได้ชาตินี้ก็ใช้หนี้ไม่หมด...
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 23 ก.ค.61 ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ได้มีกลุ่มครูในพื้นที่ อำเภอครบุรีและอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และอดีตครูที่เกษียณอายุราชการไปแล้วจังหวัดลำปาง นำโดนนายสุวัช ศรีสด ประธานชมรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เป็นหนี้สินวิกฤติ ครูชำนาญการพิเศษ จังหวัดลำปาง และนายเรือง มั่นดี อดีตครูชำนาญการอายุ 65 ปี พร้อมอดีตครู และบุคลากรทางการศึกษาประมาณเกือบ 10 คน รวมตัวกันพร้อมเอกสารเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออก ณ ที่ทำการชมรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้สินวิกฤติ ตำบลเสริมซ้าย อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง พร้อมเอกสารหลักฐานรายชื่อผู้กู้เงินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความภาคภูมิในเกียรติของวิชาชีพ ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนด้วยวิถีพอเพียง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินจากกลุ่มครูที่เป็นหนี้วิกฤติ อัตราดอกเบี้ย 3.50 บาท
ทั้งนี้ ขอความเมตตาจากนายกรัฐมนตรี 3 ข้อ คือ 1.ขอให้โคราชมีการแก้ไขหนี้สินครูที่วิกฤติได้ดำเนินการต่อไป 2. ขอให้มีการแต่งตั้งเลขาธิการ สกสค.ตัวจริง 3. ขอให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันหลายฝ่าย โดยมีตัวแทนลูกหนี้ด้วย ตามแนวทางของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ที่ได้มีการนำเสนอในคณะกรรมการติดตามการปฏิบัติ ตามนโยบายของรัฐบาล (คตน.) เพื่อติดตามและดำเนินการอย่างเป็นทางการให้ลุล่วง
นายสุวัช ศรีสด ประธานชมรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้สินวิกฤติ กล่าวว่า กรณีมหาสารคามเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เราไม่ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกหนี้ให้ เรายอมจ่ายหนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีเมตตาช่วยเหลือครูกลุ่มนี้ แต่พอลงมาถึงข้างล่างความช่วยเหลือยังไม่ถึง ฉะนั้นความเดือดร้อนยังมีอยู่ เราจึงขอความเมตตาให้ช่วยเหลือแค่รวมหนี้ ลดดอกเบี้ย ขยายเวลาการส่ง ครูก็ไม่เดือดร้อนกันแล้ว ในจิตวิญาณของครูไม่มีใครคิดจะเบี้ยวหนี้หรอกเฉพาะในกลุ่มของตน เราไม่เคยที่บอกว่าจะเบี้ยวหนี้ ฉะนั้นขอความเมตตาตั้งกองทุนสนับสนุนพิเศษเพื่อความมั่นคง ชพค.ที่ออมสินมอบให้กับ สกสค.มีอยู่แล้ว เอาเงินตรงนี้มาตั้งกองทุนเท่านี้ก็จบ สามารถทำได้ โดยหน่วยงานที่ดูแลตรงนี้คือสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการ สวัสดิภาพและบุคลากรทางการศึกษามีหน้าที่โดยตรง และเคยทำจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นครูบำนาญพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ส่วนครูวิทยฐานะไม่พอจ่าย ซึ่งครูมีหนี้หลายทาง ทั้งออมสิน สหกรณ์ กรุงไทย โดยให้รวมหนี้ที่ครูเป็นหนี้ทั้งหมดของทุกสถาบัน เราอยากให้ช่วยเหลือโดยการแค่รวมหนี้ให้เรา ลดดอก ขยายระยะเวลาการส่ง เพราะมันมีโมเดลสำเร็จมาแล้วที่อดีตเลขาฯพิษณุ ทุกวันนี้ครูหัก ณ ที่จ่ายตลอดเวลา
...
นายเรือง มั่นดี อดีตครูชำนาญการ จ.นครราชสีมา อายุ 65 ปี กล่าวว่า ที่มามีทั้งครูเกษียณและไม่เกษียณ ส่วนครูที่เป็นหนี้ของ จ.นครราชสีมา มีทั้งหมดกว่า 26,000 คน ทางออกที่ดีหมายความว่า คระครูที่เดือดร้อนได้รับการดูแลคือการลดดอกเบี้ย อีกนิดหนึ่ง ธนาคาออมสินอยู่ได้และพวกครูเองก็อยู่ได้ก็คือ เราอยู่ได้ทั้งสองฝ่าย, การรวมหนี้ และมีการยึดระยะเวลาให้ครูสามารถยืนอยู่ในสังคมได้และสามารถดำรงชีวิตตามปรกติได้ในสภาวะเศรษฐกิจวิกฤติช่วงนี้ แต่ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้พวกเราตาย แต่ธนาคารออมสินเจริญรุ่งเรืองฝ่ายเดียว โดยครู จ.นครราชสีมา มีมติให้มีการรวมหนี้ ลดดอกเบี้ย และประกันชีวิตอยากให้มีความเป็นธรรม เพราะมีการเก็บล่วงหน้าไป 9 ปี ส่วนปฏิญญามหาสารคามพวกเราไม่เห็นด้วย แต่เชื่อว่าปฏิญญามหาสารคามเป็นเพียงพิธีกรรมบนเวทีและเป็นกุศโลบายของผู้นำในวันนั้น เพื่อให้สังคมได้เอียงหูมารับฟังทางคุณครูว่ามีความเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งความจริงเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเบี้ยวหนี้หรือชักดาบ ไม่ใช่ แต่เป็นอย่างที่ตนว่า และอยากให้สื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมและไปขุดคุ้ยความไม่ชอบพามากลตรงนี้เสนอต่อสาธารณชนให้ได้ทราบกัน และอยากให้สังคมได้เห็นใจกลุ่มครูด้วย เพราะตรงนั้นไม่ใช่เป้าประสงค์ปฏิญญาที่แท้จริง
"ถ้ามีการปรับโครงสร้างหนี้ อย่างผมอยู่ 65 ปี หนี้ของผมจะต้องยื่นออกไปอีก สุขภาพอายุอย่างผมจะอยู่ถึง 90 ปีหรือเปล่า หนี้สินทั้งหลายทั้งปวงจะตกเป็นภาระลูกเมีย ถ้ารัฐบาลให้ความเห็นอกเห็นใจหันมาปรับลดดอกเบี้ยให้พวกผม เราสามารถชำระหนี้ได้ภายในชาตินี้ แต่ถ้าไม่มีการปรับหนี้ช่วยเหลือพวกเราผมคิดว่าพวกเราหมดหนี้เมื่อชาติหน้าไม่รู้จะหมดหรือเปล่า" นายเรืองกล่าว.