รวบมือสังหาร เพื่อนในวงก๊ง โกรธที่โดนด่า

ฆ่าสุดโหดหนุ่มใหญ่วัย 46 ปี พิการขาลีบทั้งสองข้าง คนร้ายใช้ไม้หน้าสาม ทุบใบหน้าแตกยับนอนตาย เปลือยกายคาลานดินข้างบ้าน ในมือกำเส้นบะหมี่ไว้แน่น ข้าวของในห้องนอนกระจัดกระจายคล้ายมีการต่อสู้รุนแรง พบผู้ตายอยู่ที่บ้านกับแม่วัยชราเพียงสองคน ก่อนจบชีวิตแม่ไปร่วมงานบวชหลานชายต่างจังหวัด ปล่อยให้ผู้ตายอยู่บ้านเพียงลำพัง กระทั่งเช้าชาวบ้านพบศพถูกฆ่าอนาถ ตำรวจตามจับกุมคนร้ายทันควันเป็นหนุ่มช่างซ่อมรถยนต์คนข้างบ้าน สอบสวนยอมรับตั้งวงกินเหล้าและเสพยาบ้ากัน หลังมึนเมาผู้ตายด่าว่าด้วยคำพูดที่รุนแรง ด้วยความโมโหลงมือชกต่อยจนร่างร่วงตกรถวีลแชร์ จากนั้นชกต่อยซ้ำจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเกลี้ยงตัว ก่อนคว้าไม้หน้าสามทุบดับอนาถ

หนุ่มพิการขาลีบทั้งสองข้างถูกฆ่าตายอนาถคาบ้านรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. พ.ต.ท.สนาน อุปลา สว.(สอบสวน) สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 2 บ้านโนนงิ้ว ต.หัวหนอง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.จำรัส จันแดง ผกก. พ.ต.ท.กฤชกนก ภาสะวณิช รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่วิทยาการ แพทย์เวร รพ.บ้านไผ่ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพุทธญาณบ้านไผ่ เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ชั้นล่างต่อเติมเป็นห้องนอนมีประตูเข้าห้องอยู่ข้างบ้าน บริเวณลานดินหน้าประตูห้องพบศพนายวิชัย ละวงษา อายุ 46 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน พิการขาลีบทั้งสองข้าง ศพนอนหงายจมเลือดเปลือยกาย มีผ้าห่มสีน้ำเงินคลุมศพ มีบาดแผลใบหน้าถูกตีด้วยของแข็งจนแตกยับ หน้าอกถูกทุบกระดูกซี่โครงยุบ มือข้างขวากำเส้นบะหมี่ไว้แน่น บริเวณประตูในห้องมีรถวีลแชร์สำหรับคนพิการของผู้ตายจอดอยู่ ภายในห้องนอนข้าวของกระจัดกระจายคล้ายมีการต่อสู้รุนแรง ส่วนลานดินข้างบ้านมีไม้หน้าสามยาวประมาณ 1 เมตร ตกอยู่คาดเป็นอาวุธที่ใช้สังหาร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

...

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายประสบอุบัติเหตุตกบันไดบ้านจนขาลีบทั้งสองข้างตั้งแต่เล็ก หลังโตได้นั่งรถวีลแชร์ไปไหนมาไหนตลอด และอยู่ที่บ้านเกิดเหตุกับนางยุ่น ละวงษา อายุ 70 ปี ผู้เป็นแม่เพียงสองคน ส่วนพี่น้องคนอื่นแยกไปมีครอบครัวหมดแล้ว ก่อนเกิดเหตุนางยุ่น ผู้เป็นแม่ไปร่วมงานบวชหลานชายที่ จ.นครราชสีมา ปล่อยให้ผู้ตายอยู่บ้านเพียงลำพัง เมื่อดึกคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ยินเสียงคล้ายผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะกัน กระทั่งเช้าเพื่อนบ้านไม่เห็นผู้ตายไปซื้อกับข้าวที่ตลาด เลยมาดูที่บ้านปรากฏพบถูกฆ่าตายดังกล่าว

ขณะที่แนวทางการสืบสวนทราบว่า ตอนค่ำวันที่ 8 มิ.ย. มีชาวบ้านพบเห็นนายวารี หรือเมิก สีทาหงส์ อายุ 32 ปี หนุ่มรุ่นน้องเพื่อนบ้าน ทำงานเป็นช่างอู่ซ่อมรถยนต์ในตลาดบ้านไผ่ ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีดำ ทะเบียน คทพ 540 ขอนแก่น เข้าไปหาผู้ตายที่บ้านแล้วทั้งสองตั้งวงกินเหล้าด้วยกัน หลังเกิดเหตุปรากฏว่านายวารีหายตัวไปลึกลับ หลังทราบเรื่องตำรวจกระจายกำลังเกาะรอยตามล่าเต็มพิกัด จนตามจับกุมตัวนายวารี ได้ขณะหนีไปซ่อนตัวที่ป่าละเมาะ หลังโรงเรียนบ้านนาโน ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่

สอบสวนนายวารีให้การยอมรับว่า หลังกินเหล้าและเสพยาบ้าในห้องนอนของผู้ตายจนมึนเมาผู้ตายได้ด่าว่าด้วยคำพูดที่รุนแรง ด้วยความโมโหเลยชกต่อยจนร่างร่วงตกรถวีลแชร์ จากนั้นคว้าไม้หน้าสามกระหน่ำทุบใบหน้าแตกยับ พร้อมยื้อยุดจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเกลี้ยงตัว ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังลั่น ก่อนผู้ตายใช้แขนคลานกระเสือกกระสนมาสิ้นใจตายที่ลานหน้าห้อง จึงใช้ผ้าห่มคลุมศพก่อนหลบหนีจนถูกตามจับกุมในที่สุด จากนั้นตำรวจนำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพท่ามกลางชาวบ้านมุงดูแน่นขนัด ชาวบ้านบางคนพากันสาปแช่งเพราะทำได้แม้คนพิการไม่มีทางต่อสู้ จนเจ้าหน้าที่หวั่นจะถูกรุมประชาทัณฑ์ รีบทำแผนก่อนนำตัวกลับโรงพักทันที

พ.ต.ท.กฤชกนก ภาสะวณิช รอง ผกก.สส. กล่าวภายหลังทำแผนว่า คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในการทำแผนทุกขั้นตอน รวมถึงรับสารภาพว่า ปกติแล้วเข้ามานั่งเล่นพูดคุยกับผู้ตายเป็นประจำ ส่วนที่ลงมือในครั้งนี้มาจากการเสพยาบ้าและดื่มสุราจนเมาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน ผู้ต้องหาอ้างว่าพลั้งมือ แต่ในความเป็นจริงผู้ตายเป็นผู้พิการต่อสู้ไม่ได้ จึงถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หลังการทำแผนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และข้อหาเสพยาเสพติด

ด้านนางยุ่น ละวงษา อายุ 70 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมองว่า ดีใจที่ตำรวจจับคนฆ่าลูกชายได้เร็ว เพราะอยากให้ชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น โดยส่วนตัวไม่โกรธแค้น ใครก่อกรรมใดก็ให้รับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ ส่วนลูกชายก็หมดกรรมแล้ว จากนี้ไปก็จะรับศพลูกชาย กลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ถือว่าทุกอย่างจบสิ้นกันไป