ปลูกเองกับมือแต่ไม่เคยได้ชิมสักคำ! ชาวสวนที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทดลองปลูก 'ทุเรียนหมอนทอง' ที่นำมาจากจันทบุรี พบเนื้อหอม กรอบ อร่อย ไม่เละ ลูกค้าสนใจต่อคิวซื้อเพียบ
นายหวัน โพลำเนา อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ 9 ต.นาดี อ.ด่านซ้าย จ.เลย เจ้าของต้นทุเรียนหมอนทองรายแรกของ อ.ด่านซ้าย เล่าว่า ลูกชายตนเองไปซื้อพันธุ์ทุเรียนหมอนทองมาจาก จันทบุรี มาปลูกไว้บริเวณรอบบ้านร่วม 10 ต้น แต่ต้นทุเรียนตายเกือบหมดเหลือ 2 ต้นที่รอดมา ปลูกมาแล้ว 5-6 ปี ให้ผลผลิตเป็นปีที่สองแล้ว

ทั้งนี้ ปีแรกยังไม่มาก มาปีนี้ดูแลอย่างดี ต้นหนึ่งออกผลทุเรียนประมาณ 50-60 ผล เลือกคัดสรรผลที่ดีส่วนไม่ดีเด็ดทิ้งไป แต่ละลูกมีน้ำหนักลูกละประมาณ 5-7 กิโล มาคนมาจับจองตั้งแต่ออกผลใหม่ๆ จนหมดแล้ว เพราะคนที่เคยมาซื้อไปกินบอกว่าทุเรียนที่นี้ไม่เหมือนทุเรียนหมอนทองที่อื่น
"ทุเรียนที่เราปลูกลูกใหญ่ เนื้อเยอะ พูใหญ่ มีรสชาติหอม อร่อย กรอบ ไม่หวานมาก กำลังพอดี และที่สำคัญเนื้อไม่เละ ซึ่งเราจะขายในราคากิโลละ 120 บาท เป็นราคาตามท้องตลาดที่ขายกัน สร้างรายได้นับหมื่นบาท ตั้งแต่ผมปลูกมาก็ยังไม่เคยได้กินเลย"
...
ขณะที่ นายสมัคร เชื้อบุญจันทร์ อายุ 50 ปี เจ้าของสวนเกษตรกร ที่บ้านหัวนายูง ต.ด่านซ้าย ทดลองปลูกต้นทุเรียนหมอนทอง 20 ต้น มากว่า 1-2 ปี ซึ่งยังไม่ได้ให้ผลผลิต เล่าว่า การเอาทุเรียนมาปลูกที่ด่านซ้าย ปลูกยากมาก อากาศที่นี้ไม่เหมือนที่อื่นหน้าร้อนร้อนจัด หน้าหนาวก็หนาวมาก ต้องทำซุ้มปิดบังแดดและน้ำค้างไม่ให้แดดเผาหรือน้ำค้างเกาะใบทุเรียน ไม่เช่นนั้นใบจะเน่าตาย ให้น้ำก็ต้องพอดีไม่มากไปหรือน้อยไป

อย่างไรก็ตาม มีเกษตรกรในพื้นที่ทดลองปลูก ลองผิดลองถูก มาหลายรายแล้ว ก็ไม่ประสบความสำเร็จต้นล้มตายหมด ซึ่งภาครัฐไม่เคยมาให้ความรู้หรือมาดูแต่อย่างไร ซึ่งที่บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน ปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองจำนวน 3-4 ราย ประมาณ 20 กว่าไร่
ท้งนี้ จะมีบางต้นที่มีลูกแล้วปีนี้เริ่มทยอยออกลูก และที่บ้านหัวนา ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย ก็เริ่มปลูกกันมากขึ้น เก็บผลผลิตขายได้ประมาณ 50,000-100,000 บาท คาดว่าอีก 5-10 ปี อ.ด่านซ้าย จะมีการปลูกทุเรียนหมอนทองนับพันต้นและเป็นขายส่งทุเรียนอีกด้วย