น้องชายหนุ่มรัฐศาสตร์ เหยื่อทหารปืนดุ เล่านาทีชีวิตคาตา ตั้งใจฆ่าสุดอำมหิต เผย พี่ชายพยามหนีสุดชีวิต ว่ายน้ำหนีข้ามห้วยยังตามไปยิง ร้องขอชีวิตแต่ไม่ฟัง
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับคดี ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 3 กองพันทหารราบที่ 3 จ.นครพนม ทำร้ายร่างกาย นายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 15 บ้านชลประทาน ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ทำให้เสียชีวิตจากสาเหตุถูกยิง และใช้ไม้ทุบตีศีรษะ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา แต่ภายหลังได้ ได้มี นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี บิดาผู้เสียชีวิต ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า รวมถึงทางหน่วยงานทหารไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้างว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร โดยทางพ่อผู้เสียชีวิต ไม่ยอมเผาศพ ยังคงเก็บไว้ในโรงเย็น เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับทางกองทัพบก ให้ออกมารับผิดชอบ และดำเนินคดีกับทหารที่ฆ่าลูกชาย ให้ถึงที่สุด เกรงว่าจะมีการวิ่งเต้นปิดคดี
ล่าสุด ถึงแม้ทาง พล.ต.สมชาย ครรภาฉาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ได้ออกมายืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และพร้อมจะมีการดูแลชดเชยเยียวยาตามขั้นตอน แต่อยู่ระหว่างการเจรจาตกลง ระหว่างผู้เสียหาย กับทางเจ้าหน้าที่ทหารคู่กรณี และยืนยันว่า จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ทางครอบครัวของผู้เสียหาย ยังไม่พอใจ เพราะรับไม่ได้กับการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
เช่นเดียวกัน กับ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้ออกมายืนยันเกี่ยวกับการดำเนินคดีว่า ทางตำรวจ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม ได้มีการดำเนินคดี กับทหารผู้ก่อเหตุแล้ว ทั้งหมด 2 นาย แล้ว คือ จ.ส.อ.กิติศัพท์ อินทร์ติยะ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้เสียชีวิต จำนวน 3 นัด ทำให้กระสุนถูกขาขวาผู้ตาย 1 นัด นอกจากนี้ ยังมี ส.ต.ธีรวัฒน์ ไชยขันธ์ อายุ 22 ปี ทั้ง 2 นาย เป็นทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 นครพนม ที่ร่วมกันใช้ไม้ทุบตี จนเป็นเหตุให้ นายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี เสียชีวิต ซึ่งทางตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย อยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว รอขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอน
...
ถึงแม้การสอบสวนเบื้องต้นทางทหารทั้ง 2 นาย จะให้การว่า ปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุป้องกันตัว เพราะผู้ตายอาละวาดพยายามจะใช้อาวุธมีดฟันต่อสู้ จึงต้องหาทางป้องกันตัว ทั้งนี้ ทางทหารทั้ง 2 นาย ยังได้ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ตายเช่นกัน ในข้อหา ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน และทำให้เสียทรัพย์ ทำให้ครอบครัวผู้เสียหาย ยิ่งเกิดความไม่พอใจ เกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมเรียกร้องให้กองทัพออกมาแสดงความรับผิดชอบ และทหารที่ทำผิดต้องได้รับโทษถึงที่สุด
ด้าน นายอภิชาติ ถานัน 35 ปี น้องชายผู้ตาย เล่าถึงความสูญเสียครั้งสำคัญของครอบครัวว่า สำหรับพี่ชายที่เสียชีวิตถือเป็นความหวังของครอบครัว เพราะหลังจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ดิ้นรนทำงาน สร้างรายได้ ดูแลครอบครัวมาตลอด เพราะเป็นพี่ชายคนโต มีพี่น้อง 3 คน และต้องดูแลแม่ที่ป่วย ความดัน เบาหวาน โรคไต มานานกว่า 2 ปี ต้องฟอกไตตลอด ถึงแม้พี่ชายจะป่วยโรคเครียด มีอาการโวยวายบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรง ถึงขั้นจะไปทำร้ายใคร ยังสามารถทำงานดูแลแม่ได้ วันเกิดเหตุ สาเหตุที่เรียกทหาร เพราะพ่อต้องการนำพี่ชายไปรักษาให้หาย เพราะเชื่อว่า มีโอกาสหายแน่นอน หากได้รับการดูแลต่อเนื่อง แต่สุดท้ายต้องสูญเสียพี่ชายไปซึ่งตนยอมรับว่า ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด เห็นคาตา ถึงแม้ทหารจะอ้างว่า ปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุมันฟังไม่ขึ้น เพราะขอให้มาช่วยคุมตัวพี่ชายไปรักษา ไม่ใช่มาจับคนร้าย ไม่ได้มีเหตุรุนแรง แต่พอพี่ชายขัดขืนกับใช้ความรุนแรงโต้ตอบ อ้างว่าพี่ชายจะทำร้าย ความจริงมีวิธีอื่นในการลดความรุนแรง ยอมรับว่าพี่ชายต่อสู้ขัดขืน แต่เป็นการสู้เพื่อหนีมากกว่า ไม่ได้เจตนาจะทำร้ายใคร
ในช่วงนาทีชีวิตตนเสียดายเข้าห้ามไม่ทัน ช่วงทหารพยายามเข้าคุมตัวพี่ชาย แต่ขัดขืนทำให้เกิดการทำร้ายร่างกายกัน ทำให้ทหารไม่พอใจ หลังพี่ชายใช้อาวุธมีดพยายามจะทำร้าย แต่เป็นการหาทางหนีมากกว่า จากนั้นเหตุการณ์บานปลายขึ้น เมื่อพี่ชายนำมีดยาวฟันใส่กระจกรถทางด้านคนขับ ก่อนวิ่งหนี และพยายามลอยน้ำข้ามห้วย ระยะทางประมาณ 30–40 เมตร แต่ทางทหาร 2 นาย ไม่ยอม ขับรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านอ้อมตามไป เพื่อทำร้ายพี่ชาย โดยตนพยายามวิ่งหาทางตามไปห้ามแต่ไม่ทัน พอทหารไปถึงหลังพี่ชายว่ายน้ำขึ้นจากลำห้วยได้ เอาไม้ไผ่ความยาว ประมาณ 1 เมตร รุมทุบตี พี่ชายไม่ยั้ง หนักสุดทหารอีกนาย ควักอาวุธปืนพกยิงใส่พี่ชายอีก 3 นัด แต่ถูกขาขวาแค่นัดเดียว พอพี่ชายล้มทรุดลง แทนที่จะหยุด กับช่วยกันใช้ไม้รุมตีจนเลือดท่วมตัว และหมดสติ ตนพยายามวิ่งข้ามห้วยตะโกนร้องขอชีวิตให้ทหารหยุดแต่ไม่เป็นผล ไปถึงร่างพี่ชายดูสภาพแล้ว เชื่อแต่แรกว่าต้องเสียชีวิต โหดร้ายสุด ทำร้ายไม่พอ ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเหลือ ปล่อยให้พี่ชายนอนจมกองเลือดและเฮือกสุดท้าย ก่อนที่ตนจะวิ่งอ้อมห้วยไปถึงร้างพี่ชาย พบว่าได้พยายามกระเสือกกระสน ขึ้นไปกินน้ำบนกระท่อมนาใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนหมดสติไป และตนจึงร้องขอให้ทหาร ช่วยนำส่งโรงพยาบาล สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตได้ มาถึงวันนี้ภาพยังติดตาตลอด จะมาอ้างระงับเหตุ หรือป้องกันตัวมันฟังไม่ขึ้น ขนาดพี่ชายว่ายน้ำข้ามห้วยหนีไป ยังตามไปยิงรุมทำร้าย มันเจตนาฆ่าชัดๆ โหดร้ายเกินคน สุดท้ายตนขอร้องให้หยุดแก้ตัว ขอให้ทางหน่วยงานทหารยอมรับความจริง กล้าออกมารับผิดแบบทหาร เพราะความจริงคือความจริง ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด แก้ตัวไปเท่านั้น เพราะตนไม่รู้ว่า พี่ชายผิดอะไร เอาอำนาจอะไรมาฆ่าพี่ชาย