รถตู้ซิ่งชนประสานงาสิบล้อพ่วงติดภายในดับคาที่ กู้ภัยและดับเพลิงช่วยฉีดน้ำสกัด ก่อนใช้เครื่องตัดถ่างงัดซากเอาผู้เสียชีวิตออกมาจากรถ ตำรวจคาดหลับใน... 




เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 5 พ.ค.61 พ.ต.ท.จักรภัทร ชมภูกุล สารวัตรสอบสวน สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร.ต.อ.สุพจน์ เลนาแซง รอง สวป.สภ.นางรอง รับแจ้งมีเหตุรถชนประสานงา คนขับติดภายใน รีบไปที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ประจำจุดอำเภอนางรอง และชุดอุปกรณ์ตัดถ่างกู้ภัยสยาม รวมถึงทีมดับเพลิงเทศบาลเมืองนางรอง และทีมแพทย์ รพ.นางรอง   



ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสายนางรอง-ปะคำ หลักกิโลเมตรที่ 138 ช่วงบริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ในที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฮภ 3079 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าอัดก๊อบปี้ติดอยู่ที่หน้ารถพ่วงสิบล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว รุ่น FXZ 360 หมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 82-1845 บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียนลูกพ่วง 82-1846 บุรีรัมย์ สภาพพังเสียหายยับเยิน ในรถตู้พบผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถทราบชื่อต่อมาคือ นายพรชัย จรเอกา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 2 ตำบลปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดป้องกันการเกิดประกายไฟ ซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ขณะปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากได้กลิ่นแก๊สรั่วจากรถตู้ และมีน้ำมันไหลออกจากตัวรถทั้ง 2 คัน จึงต้องใช้น้ำฉีดป้องกันไว้ก่อน 



หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยสยามรวมใจ จุดนางรอง ใช้เครื่องตัดถ่างงัดซากรถกว่า 30 นาที เพื่อนำผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถ เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตขับขี่รถตู้มาเพียงคนเดียวเป็นรถตู้จ้างเหมาไม่ประจำทาง สอบถามจากญาติเบื้องต้นทราบว่า เมื่อเช้าตรู่ (วันที่ 5 พ.ค.) เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ ถึงบ้าน อ.ปะคำ แล้วออกมาเพื่อเติมแก๊สที่ อ.นางรอง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าจะหลับใน จนเกิดเหตุดังกล่าว 




...

จากการสอบถามนายสมทรง ชุมเสนา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 294 หมู่ 3 ตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ขับขี่รถสิบล้อพ่วง เล่าว่า ตนเองขนมันสำปะหลังมาจากจังหวัดศรีสะเกษ มุ่งหน้าไปส่งโรงแป้งมันที่อำเภอเสิงสาง ปลายทางจังหวัดนครราชสีมา เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ได้ชะลอรถหยุดเพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าไปเติมน้ำมัน ขณะเดียวกันก็มีรถตู้ได้แซงรถอีกคันจาก อ.ปะคำ มุ่งหน้ามา อ.นางรอง ขับเข้ามาชนกับรถตนเองอย่างเต็มแรง ตนเองลงมาดูจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป.