เกษตรกร นครพนม พลิกวิกฤติแล้ง เป็นโอกาส ทำนากบ ขายลูกอ๊อด โกยเงินเดือนละแสน อาชีพต้นทุนต่ำ กำไรงาม ไม่น่าเชื่อ ทั้งหมู่บ้าน ทำเงินสะพัดปีละหลาย 10 ล้าน
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครพนม ในช่วงฤดูแล้งปีนี้ถึงแม้จะมีพายุฝนฤดูร้อน ตกลงมาต่อเนื่อง แต่ยังมีหลายพื้นที่จะประสบปัญหาจากภาวะภัยแล้ง ขาดน้ำในการทำการเกษตร สร้างรายได้เสริม จนเกษตรกรบางราย จนต้องเดินทางไปขายแรงงานต่างถิ่น เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว รอจนกว่าจะถึงหน้าฝน และฤดูกาลทำนาปีมาถึง จึงจะกลับมาบ้านเพื่อทำนาตามปกติ เช่นเดียวกับชาวบ้านในพื้นที่ บ้านหนองแต้ และบ้านนาขาม ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ส่วนใหญ่จะมีอาชีพหลักคือการทำนาปี พอถึงหน้าแล้งจะประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำในการทำการเกษตรหน้าแล้ง ไม่สามารถทำการเกษตรปลูกพืชผักได้ โดยเฉพาะปีนี้สภาพอากาศแปรปรวนภัยแล้งคุกคามหนัก ส่งผลกระทบหนักกว่าทุกปี ไม่สามารถทำการเกษตร นาปรัง หรือปลูกพืชการเกษตรหน้าแล้งได้
แต่ชาวบ้านหนองแต้ และชาวบ้านนาขาม ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส นำอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำนากบ มาสร้างรายได้หน้าแล้ง ด้วยการปรับพื้นที่นา นำตาข่ายเขียวมาขึงเป็นคอกเลี้ยงกบ ขายลูกอ๊อด เนื่องจากมองว่า ลูกอ๊อด เป็นที่ต้องการของตลาดสูงและหายาก โดยได้เริ่มจากการเลี้ยงตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ลองผิดลองถูกมานานหลายปี จนกระทั่งเกิดความชำนาญ กลายเป็นอาชีพที่มีผลผลิตสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี จนทำให้หมู่บ้านเหล่านี้ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า "หมู่บ้านเลี้ยงกบ" ซึ่งถือได้ว่า เป็นแห่งเดียวของนครพนม ซึ่งในแต่ละปีจะมีบรรดาพ่อค้า แม่ค้า เดินทางมารับซื้อลูกอ๊อด ช่วงหน้าแล้ง ไปส่งขายออกสู่ตลาดทั่วภาคอีสาน ปีละหลาย 10 ตัน สร้างเงินหมุนเวียนสะพัดปีละกว่า 10 ล้านบาท ทีเดียว
...
โดยอาชีพทำนากบ จะเริ่มขึ้นในช่วงหน้าแล้งหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ชาวบ้านจะใช้พื้นที่นาว่าง นำตาข่ายเขียวมาขึงเป็นบ่อเลี้ยงกบ จากนั้นจะนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กบที่เลี้ยงไว้ ไปปล่อยให้กบออกไข่ เพราะพันธุ์เป็นลูกอ๊อด แล้วใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 20 วัน เพื่อขายลูกอ๊อด ในราคาส่ง กิโลกรัมละ 150-200 บาท โดยจะมีพ่อค้า แม่ค้า ทั่วภาคอีสาน มารับซื้อไปขายตามตลาด มีราคาขายตามท้องตลาดประมาณ 250-300 บาท ให้ลูกค้าที่นิยมรับประทาน ซื้อไปประกอบอาหาร แกง หมก อ่อม ตามความชอบ ซึ่งในช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน จะเป็นช่วงสุดท้ายที่เกษตรกรจะเร่งขาย ก่อนใช้พื้นที่นาทำนาปีตามปกติ ที่สำคัญถือเป็นอาชีพที่ใช้ต้นทุนต่ำ และดูแลง่าย ใช้น้ำน้อยในการเลี้ยง รวมถึงไม่มีคู่แข่งทางการตลาด ทำให้สามารถส่งขายได้ไม่อั้น มีตลาดรองรับตลอด
เช่นเดียวกับ นายสมชัย วงษ์สุข อายุ 58 ปี เกษตรกรชาวบ้านหนองแต้ ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ซึ่งถือเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่นำร่องบุกเบิกทำอาชีพนากบมานานกว่า 10 ปี จากการลองผิดลองถูกด้วยการเลี้ยงแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน จนประสบความสำเร็จ สามารถมีผลผลิตลูกกบขายส่งทั่วภาคอีสานตลอดปี แบบครบวงจร โดยได้เล่าถึงที่มาของอาชีพทำนาเลี้ยงกบว่า เดิมชาวบ้านหนองแต้ ทำไร่ทำนา พอหมดฤดูนาปี ถึงหน้าแล้งส่วนใหญ่จะไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดหารายได้เสริม เพราะไม่มีงานทำ ทำการเกษตรไม่ได้ ไม่มีแหล่งน้ำเพียงพอ ทำให้ตนเกิดความคิดหาวิธีเลี้ยงกบขาย เพราะมองว่ากบน่าจะหายากในช่วงหน้าแล้งบวกกับลูกอ๊อดเป็นที่ต้องการของตลาดสูง หาตามธรรมชาติยาก จึงนำมาทดลองเลี้ยง แบบลองผิดลองถูก ด้วยการนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาขยาย ใช้เวลา 2 -3 ปี จึงประสบความสำเร็จ สามารถขายได้ทั้งลูกอ๊อด รวมถึงกบที่โตแล้ว และมีตลาดรองรับตลอด จึงแนะนำส่งเสริมชาวบ้านเลี้ยงมาต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันในหมู่บ้านมีคนยึดอาชีพนากบ เกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 100 ครอบครัว
สำหรับการเลี้ยง พอถึงหน้าแล้ง จะปรับที่นาประมาณ 1 ไร่ ใช้ตาข่ายเขียวขึงรอบที่นา เพื่อปรับเป็นบ่อเลี้ยงกบ ขายลูกอ๊อด ลงทุนต่ำ ก่อนนำพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ที่คัดไว้มาพักในบ่อ ซึ่งแต่ละปีจะใช้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ อายุประมาณ 1 ปี ประมาณ 2,000 ตัว หลังบ่อพร้อมจะปล่อยน้ำเข้าที่นา ให้ได้ระดับประมาณ 10 เซนติเมตร และนำพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์กบ ประมาณบ่อละ 400 -500 คู่ ให้มีการผสมพันธุ์ออกไข่ ในระยะเวลาประมาณ 1 คืน หรือประมาณ 24 ชั่วโมงตามธรรมชาติ และนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ออกไปพักไว้ในบ่อเลี้ยง จากนั้นประมาณ 1 วัน ไข่กบจะฟักตัวออกเป็นลูกอ๊อด และปล่อยตามธรรมชาติประมาณ 2 วัน สามารถให้หัวอาหารปลาดุกได้เลย ใช้ระยะเวลาเพียง 20 - 30 วัน ลูกอ๊อดโตได้ขนาด ก็สามารถเริ่มตักขายได้แล้ว พร้อมนำมาบรรจุถุงพลาสติก ประมาณถุงละ 1 กิโลกรัม และอัดออกซิเจน เพื่อให้สามารถอยู่ได้นาน ขนส่งไปขายต่างจังหวัดได้
ส่วนการขาย ลูกอ๊อดจะขายต้นฤดู ประมาณกิโลกรัมละ 200-250 บาท กลางฤดูจะลดลง ประมาณกิโลกรัมละ 150-200 บาท นอกจากนี้ยังได้แยกลูกอ๊อดบางส่วนไปเลี้ยงในบ่อพัก เพื่อขายเป็นกบตัวโต ตามขนาด มีตั้งแต่กิโลกรัมละ 150-200 บาท ยิ่งช่วงหน้าหนาว กบธรรมชาติขาดตลาด ยิ่งได้ราคาดี ประมาณกิโลกรัมละ 250 บาท โดยจะเลี้ยงขายแบบครบวงจรตลอดปี ตั้งแต่ลูกอ๊อดไปถึงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ รวมถึงกบรุ่นกลาง เพื่อส่งขายตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งในการดูแลถือว่า ดูแลง่ายต้นทุนต่ำ เพียงหมั่นตรวจสอบดูแล ให้อาหารตามเวลา ก็สามารถทำเงินได้แล้ว ถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดี ใช้น้ำน้อย มีกำไรสูงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ สามารถทำเงินได้เดือนละเป็นแสนจนถึงหลักล้าน ขึ้นอยู่กับปริมาณเลี้ยง ทุกวันในหมู่บ้านจะมีลูกอ๊อด ส่งขายไปตามตลาดทั่วภาคอีสาน วันละไม่ต่ำกว่า 4-5 ตัน เป็นเงินไม่ต่ำกว่าวันละแสนบาท ทุกปีทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ มีเงินหมุนเวียนสะพัดปีละหลาย 10 ล้านบาท ถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ในช่วงหน้าแล้งเป็นอย่างดี มีตลาดรับไม่อั้น เนื่องจากเป็นที่นิยมของชาวอีสาน สามารถส่งขายไปปรุงเป็นเมนูเด็ด ของแซ่บอีสาน ตามความชอบ แกงอ่อม นึ่ง หมก และผัดเผ็ด แต่หากินยาก ส่วนใหญ่มีขายเฉพาะหน้าแล้ง พอถึงหน้าฝนเกษตรกรจะหันไปทำนาปีปกติ แต่มีบางรายเลี้ยงขายครบวงจรตลอดปี
...