เกษตรกรที่มหาสารคาม หันมาเลี้ยงหนูขาย จากเดิมจับมาขายไป นำตัวที่ยังเล็กมาเลี้ยงตัวใหญ่ น้ำหนักเพิ่ม ขายได้ราคาดีกว่า เดือนหนึ่งอย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่า3หมื่น สปป.ลาว เพื่อนบ้านสนใจมาก แวะมาดูงาน
วันที่ 7 มี.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายเชาวฤทธิ์ แสนปรางค์ หรือฤทธิ์ หนุ่มใหญ่วัย 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 2 บ้านมะค่า ตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เล่าให้ฟังว่า มีอาชีพทำนา มีที่นาอยู่ 6 ไร่ ใช้เวลาว่างออกดักจับหนูในทุ่งนาในพื้นที่หมู่บ้านของตนเองและหมู่บ้านใกล้เคียง โดยใช้ลวดทำเป็นบ่วง นำมาผูกติดกับหลักที่ทำด้วยไม้ไผ่ แล้วนำไปวางไว้ตามทางเดินของหนู พอบ่ายๆ 3-6 โมงเย็น จะนำกับดักไปปักไว้ จากนั้นช่วงเช้าตรู่จะไปเก็บกู้ แต่ละวันใช้กับดักประมาณ 100 อัน จะได้หนูพุกวันละประมาณ 10-30 ตัว ชำแหละขายตามตลาดนัดในหมู่บ้าน ไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำมานานกว่า 10 ปี

"ต่อมามีความคิดว่า ถ้าเอาหนูที่ขนาดเล็ก ยังโตไม่ได้ขนาด มาพักในบ่อและให้อาหาร ไม่กี่วันก็สามารถทำรายได้เพิ่มตัวละ 30-50 บาท ถ้ามีหนูมากก็จะทำเงินได้มาก ดังนั้นจึงนำหนูมาพักไว้ในบ่อซีเมนต์ที่มีอยู่แล้ว เพียง 10-20 วัน ก็โตจับขายได้ ส่วนคอกเลี้ยงใช้คอกจิ้งหรีดเก่าที่เลิกเลี้ยง ก่อด้วยอิฐบล็อก สูงประมาณ 1 เมตร รวมถึงโอ่งรั่วที่ไม่ใช้ และวงท่อซีเมนต์วางซ้อนกัน 2 วง แล้วหาวัสดุปิดปากท่อป้องกันหนูกระโดดออก ภายในคอกหาเศษวัสดุใส่ลงไปเพื่อเป็นที่หลบซ่อน เช่น ท่อปูน ท่อพีวีซี ฟางข้าว"
...
ส่วนอาหารที่ใช้ เป็นอาหารตามธรรมชาติ ลูกข้าว คือต้นข้าวที่ออกรวง หลังเกี่ยวข้าวแล้วเหลืออยู่ในนาจำนวนมาก รวมถึงผักบุ้ง และหญ้าขน นำมาเป็นอาหารของหนูพร้อมให้น้ำ ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยได้เพิ่มปริมาณการเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้มีหนูกว่า 400 ตัว ในจำนวนนี้มีพ่อแม่พันธุ์พร้อมที่จะผสมพันธุ์ให้ลูกต่อไป หากขายเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ จะขายคู่ละ 600-700 บาท ปัจจุบันมีเกษตรกรจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวสนใจมาศึกษาและซื้อพันธุ์ไปเลี้ยงแล้ว นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยซื้อไปเลี้ยงและศึกษาวิจัย แต่ละเดือนมีรายได้กว่า 30,000 บาท ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงจะอยู่ที่ 4,000 บาท.