ผอ.ท่าอากาศยานอุบลฯ เผย ตั้งแต่มีการให้ขออนุญาตจุดบั้งไฟตามประกาศของจังหวัด ปริมาณการจุดเร่ิมลดลงต่อเนื่อง โดย 2-3 ปีหลัง ไม่พบรายงานการเห็นบั้งไฟในเส้นทางการบิน...

เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 61 ที่อาคารสำนักงานการท่าอากาศยานอุบลราชธานี นายกิติชัย สัจจลักษณ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอุบลราชธานี กล่าวถึงการอนุญาตให้จุดบั้งไฟตามประเพณีท้องถิ่นของชาวอีสาน ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติ มีเที่ยวบินภายในประเทศทั้งขามาและกลับวันละ 16-19 เที่ยวบินต่อวัน ยังคงยึดหลักการประกาศเขตห้ามจุด และจุดที่อนุญาตให้จุดบั้งไฟได้ตามประกาศของจังหวัดเมื่อปี 2560 โดยการขออนุญาตจุดบั้งไฟจะเริ่มให้จุดได้ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำเดือน 6 ถึงแรม 15 ค่ำ เดือน 6 หรือตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. ถึงสิ้นเดือน เม.ย. โดยเขตที่ห้ามจุดบั้งไฟเด็ดขาด คือ ในพื้นที่รอบสนามบิน และบริเวณแนวร่อนขึ้นลงของเครื่องบิน ในพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ และ อ.ดอนมดแดง 

ผอ.ท่าอากาศยานอุบลราชธานี กล่าวต่อว่า ส่วนที่เหลือผู้ต้องการจุดบั้งไฟ ต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้า และเส้นผ่าศูนย์กลางของวัสดุใช้บรรจุดินปะสิวของบั้งไฟ ต้องมีขนาดไม่เกิน 3.5 นิ้ว เพื่อให้บั้งไฟมีความสูงขึ้นจากพื้นดินไปในอากาศได้ไม่เกิน 5,000 ฟิต จะได้ไม่รบกวนความสูงของการบินของเครื่องบิน และวันหนึ่งอนุญาตให้จุดได้ไม่เกินวันละ 15 บั้งเท่านั้น 

นายกิติชัย กล่าวอีกว่า สำหรับสถิติการจุดบั้งไฟของจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่ปี 2556-2560 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยปี 2556 มีการขอจุด จำนวน 146 ครั้ง ปี 2557 จำนวน 141 ครั้ง ปี 2558 จำนวน 134 ครั้ง ปี 2559 จำนวน 52 ครั้ง และปี 2560 จำนวน 57 ครั้ง ส่วนสถิติการขออนุญาตจุดบั้งไฟในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงคือ ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน 

...

ผอ.ท่าอากาศยานอุบลราชธานี กล่าวด้วยว่า จึงเชื่อว่าเทศกาลจุดบั้งไฟในปี 2561 แนวโน้มการขออนุญาตจุดบั้งไฟในเทศกาลยังคงลดลง ทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่เข้าใจ ซึ่งก่อให้เกิดผลดีต่อการทำการบิน และความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศของประชาชนเอง โดยตลอดช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้ แทบไม่ได้รับแจ้งจากนักบินว่า พบเห็นบั้งไฟพุ่งขึ้นมาในอากาศ ขณะทำการบินขึ้นลงที่สนามบินแห่งนี้เลยด้วย.