ส่องฐานะการเงิน “ซี.พี.เค.” บริษัทบริหารธุรกิจรีสอร์ต และที่ดิน ใน จ.เลย ของครอบครัว “เปรมชัย”

แม้ว่าวันนี้ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน ยังไม่ต้องมารายงานตัวต่อศาล ตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาในการรายงานตัวในชั้นสอบสวน จนกว่าพนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 4 กำหนด 48 วัน ครบกำหนดวันที่ 26 มี.ค. 61 แต่เรื่องราวของ นายเปรมชัย ก็ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะกลายเป็นเจ้าสัวธุรกิจแสนล้านที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า กลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร นับตั้งแต่ถูกจับเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561

นอกจากคดีดังกล่าวแล้ว นายเปรมชัย ยังมีธุรกิจและทรัพย์สินที่กำลังถูกเรียกร้องให้ตรวจสอบคือ ที่ดินใน อ.ภูเรือ จ.เลย ภายใต้ชื่อบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด


ชื่อของ ซี.พี.เค. จึงได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูล พบว่าในแบบแสดงรายการประจำปี 2559 ของบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ระบุข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ซี.พี.เค. ในหน้า 56 ว่ามีบุคคลในครอบครัวของนายเปรมชัยถือหุ้น บางคนถือหุ้นร้อยละ 15 เฉพาะ นายเปรมชัย ถือหุ้น ร้อยละ 2.87 ซึ่งบริษัทซี.พี.เค.นี้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ร้อยละ 0.657

หากดูข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท ซี.พี.เค.มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท วันที่จดทะเบียนคือ 26 มี.ค. 2525 มีที่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 8 หมู่ที่ 5 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร อยู่ในหมวดธุรกิจ การดำเนินงานเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการแข่งขัน กีฬา และมีวัตถุประสงค์ คือทำธุรกิจ สนามกอล์ฟ และโรงแรม บ้านพักตากอากาศ โรงผลิตไวน์

...

จากการเปิดเผยของกรมป่าไม้ก่อนหน้านี้ ที่มีการตรวจสอบเบื้องต้นในพื้นที่ จ.เลย ที่รังเย็นรีสอร์ท ใน อ.ด่านซ้าย, ภูเรือวโนทยาน อ.ภูเรือ, ชาโต้ เดอ เลย โรงงานผลิตไวน์ ไร่องุ่น ใน อ.ภูเรือ พบว่าเป็นธุรกิจภายใต้บริษัท ซี.พี.เค. ซึ่งมีเอกสารสิทธิที่เป็นโฉนดที่ดิน ที่เบื้องต้นกรมป่าไม้ถือว่ายังถูกต้อง แต่กรมป่าไม้จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนอีกกว่า 6,000 ไร่ ภายใต้บริษัทนี้กำลังถูกพิจารณาว่าออกโฉนดถูกต้องหรือไม่ เพราะเดิมเป็น นส.3 ก แต่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิไปตั้งแต่ปี 2546

จากธุรกิจทั้งหมดดังกล่าว เมื่อค้นดูงบการเงินของบริษัท ซี.พี.เค.ที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ช่วงปี 2556-2559 นั้น พบว่ามีทรัพย์สินมากกว่า 700 ล้านบาท แต่ทุกปีมีผลประกอบการขาดทุน โดยปี 2559 มีทรัพย์สินรวมประมาณ 714 ล้านบาท หนี้สิน 93 ล้านบาท รายได้รวมประมาณ 84 ล้านบาท ขาดทุน 23 ล้านบาท

หากเปรียบเทียบย้อนหลังไปก่อนหน้านี้ในส่วนทรัพย์สิน ตัวเลขไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยปี 2556 มีทรัพย์สิน 731 ล้านบาท ส่วนหนี้สินปี 2559 มีเพิ่มขึ้น โดยปี 2556 มีหนี้สิน 63 ล้านบาท ส่วนรายได้ปี 2559 ก็น้อยลง โดยปี 2556 มีรายได้ 104 ล้านบาท และขาดทุนปี 2559 เพิ่มจากปี 2556 ขาดทุนประมาณ 4.6 ล้านบาท