รักษาการ ผบช.ภ.3 ลงพื้นที่ศรีสะเกษ ติดตามความคืบหน้าคดี ผอ.อ้อย คาดสรุปสำนวนส่งอัยการได้ภายในวันที่ 20 พ.ย.นี้ มั่นใจในพยานหลักฐาน แม้ ‘ผู้กองเหน่ง’ ยังปฏิเสธ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มอีกยาวเป็นหางว่าว 14 ข้อหา ยังไม่พบมีคนอื่นร่วมด้วย..

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 10 พ.ย. 60 ที่ห้องประชุมภูเงิน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ถนนเทพา อ.เมืองศรีสะเกษ พล.ต.ท.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รรท. รอง ผบช.ภ.3 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดีฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ โดยมี พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี รายงานความคืบหน้าของคดีให้ได้รับทราบ โอกาสนี้ นางแหลม อุ่นอ่อน และน.ส.หมายปอง อุ่นอ่อน แม่และพี่สาวของ ผอ.อ้อย ได้มามอบช่อดอกไม้ให้แก่ รรท.ผบช.ภ.3 เพื่อเป็นการขอบคุณที่ได้เร่งรัดสืบสวนติดตามคดีมาโดยตลอด

การประชุมเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 12.10 น. พล.ต.ท.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผบช.ภ.3 กล่าวว่า คดีฆ่า นางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ถึงวันนี้ ถือว่า ความคืบหน้าของคดีเป็นไปอย่างสมบูรณ์ อาจจะยังต้องเก็บตกพยานอยู่อีกบางปาก และเรื่องพยานเอกสารอีกส่วนหนึ่ง คาดว่า สามารถสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการได้ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็จะเร่งรัดให้เร็วกว่านี้ อีกประมาณ 10 วันต่อจากนี้ หรือ ภายใน 20 พฤศจิกายน จะเร่งให้เสร็จเพื่อส่งพนักงานอัยการและส่งฟ้องต่อศาลต่อไป

...

พล.ต.ท.ดํารงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จากการประชุมในวันนี้ทำให้มีความมั่นใจว่า การรวบรวมพยายานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าน่าจะเพียงพอต่อการที่จะสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ ถึงแม้ผู้ต้องหาจะยังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ ส่วนการสืบสวนสอบสวน ถึงเวลานี้ ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ร่วมก่อเหตุ ยังคงมีเพียงร้อยเอกศุภชัย ภาโส เพียงผู้เดียวที่เกี่ยวข้องกับการตายของ ผอ.อ้อย 

“เดิมทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาไป 3 ครั้ง โดยครั้งแรก แจ้งไป 4 ข้อหา ครั้งที่ 2 แจ้งอีก 6 ข้อหา ครั้งที่ 3 เมื่อมีการพบศพ ก็ได้แจ้งเพิ่มไปอีกคือฆ่าคนตายโดยเจตนา กักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ปิดบังอำพราง ซ่อนเร้นศพ และลักทรัพย์หรือรับของโจร (สร้อยคอทองคำ) หลังจากที่เจ้าหน้าที่พบว่าทองของ ผอ.อ้อยที่หายไปมีการนำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ตอนนี้มีการแจ้งแล้ว 14 ข้อหา”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ได้เรียกทหารลูกน้องของผู้กองเหน่งมาสอบปากคำ พบว่ามีความเชื่อมโยงที่จะเกี่ยวข้องในคดีหรือไม่ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ตอบว่า ยังไม่ปรากฏพบความเชื่อมโยง ตอนนี้มีหลักฐานที่ไปถึงยังคงมีผู้กองศุภชัย หรือผู้กองเหน่งเพียงคนเดียว และพนักงานสอบสวนได้ประสานงานร่วมกันกับพนักงานอัยการอยู่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าพอสรุปสำนวนส่งอัยการแล้วก็คงใช้เวลาไม่นานที่จะส่งศาล ซึ่งในคดีนี้ตำรวจไม่ได้หนักใจใดๆ โอกาสนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ทั้งชุดสืบสวน ภาค 3 ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดศรีสะเกษ สืบสวน สภ.กันทรลักษ์ ตำรวจ กก.3 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วย ที่ได้ช่วยเหลือสืบสวนติดตามดคี และให้ความร่วมมืออำนวยความสะดวกทุกอย่างเป็นอย่างดี.