หลักฐานมัดแน่น! วงจรปิดจับภาพโจรย่องเข้าร้านอาหาร ขอนแก่น อาศัยทีเผลอขณะเจ้าของหลับกลางวัน รื้อค้นทรัพย์สินฉกกระเป๋าสะพายข้าง รีบออกจากร้านรวดเร็ว ตำรวจตามจับกุม สารภาพทำหลายครั้ง ได้ทรัพย์ร่วมล้าน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ต.ค.2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลและเพจต่างๆ ของ จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน "ไทม์แมชชีน" ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหาร ตั้งอยู่ริม ถ.กลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ภาพจากกล้อง สามารถบันทึกพฤติกรรมคนร้าย ขณะขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ สีขาว-ส้ม มาจอดบริเวณข้างร้าน สวมใส่หมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ เดินขึ้นมาภายในร้าน ก่อนจะมองผ่านกระจกเห็นคนในร้านกำลังนอนหลับอยู่

จากนั้นคนร้ายจึงค่อยๆ เลื่อนประตูเปิดเข้าไป สำรวจคนในร้านซึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา เมื่อมั่นใจว่าไม่ตื่น ตัดสินใจเดินผ่านเข้าไปรื้อค้นเอาทรัพย์สินเป็นกระเป๋าสะพายข้างแบบผู้หญิงสีน้ำตาล 1 ใบ แล้วรีบเดินออกจากร้านไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว

...

พ.ต.อ.จำลอง สุวลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาในภาพได้แล้ว คือ นายภูผา หรือ ใหญ่ ลามา อายุ 33 ปี จับกุมได้บริเวณริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง ตรงข้ามศูนย์บริการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.349/2560 ลงวันที่ 22 ก.ย. 2560 ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้พร้อมรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีส้ม-ขาว คันที่ใช้ก่อเหตุ


พ.ต.อ.จำลอง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการสอบสวนนายภูผา ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำคลิปวงจรปิดที่ผู้เสียหายจำนวนมาก นำมาเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีลักทรัพย์ ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพอีกว่า เป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมด ตามภาพวงจรปิดที่เป็นหลักฐานของชุดสืบสวนมาถึง 10 แห่ง เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนสอบสวนขยายผลตามยึดทรัพย์ผู้เสียหายที่ถูกผู้ต้องหานำไปจำหน่ายตามร้านรับซื้อต่างๆ ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท พระเครื่องอีก 27 องค์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 1,000,000 บาท

"เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นที่เรียบร้อย"