กาฬสินธุ์ เตรียมเครื่องผลักดันน้ำ เฝ้าระวังจุดเสี่ยงบนพนังกั้นน้ำชียาว 22 กม. ตลอด 24 ชม. ขณะที่วันนี้ระดับน้ำยังทรงตัว แต่ไหลเชี่ยว ...

วันที่ 7 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำชี ล่าสุดวันนี้พบว่า ระดับน้ำชีเริ่มทรงตัว เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานประมาณ 1 เซนติเมตร แต่กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวและอยู่ในจุดวิกฤติต้องเฝ้าระวัง

นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้มีการประชุมคณะทำงานศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาว ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด รองผู้บัญชาการและเสนาธิการ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดกาฬสินธุ์ รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 23 รองผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายทหาร นายอำเภอ 5 อำเภอ ชลประทานจังหวัด ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำปาว หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นสภาพพื้นที่จริงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

...

ซึ่งผลการประชุมสรุปได้ คือ ให้ชลประทานจังหวัด ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำปาว ทางหลวงชนบท ร่วมกับอำเภอและผู้บริหารท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน รับผิดชอบเฝ้าระวังจุดเสี่ยงบนพนังกั้นน้ำชีตลอด 22 กิโลเมตร เตรียมพร้อมรถแบ็กโฮ รถขนดินตลอด 24 ชั่วโมง หากต้องการกำลังพล ให้ร้องขอได้ที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ชลประทานจังหวัดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในลำน้ำชี บริเวณฝายร้อยเอ็ด ระหว่างอำเภอร่องคำจังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 6 ตัว ให้น้ำชีไหลเร็วขึ้นในอัตรา 9 ลูกบาศก์ต่อวินาที เพื่อเปิดทางให้ลำน้ำพานและลำน้ำปาวไหลลงแม่น้ำชีเร็วขึ้น โดยขณะนี้ชลประทานจังหวัดเตรียมเครื่องสูบน้ำขนาด 18 นิ้ว จำนวน 20 เครื่อง พร้อมช่วยเหลือราษฎรหากมีการร้องขอต้องพร้อมใช้งานทันที

นอกจากนี้ที่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานรับปากว่า จะนำเรื่องการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบไปประชุมร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เพื่อประเมินว่าเขื่อนอุบลรัตน์จะลดการระบายน้ำลงได้อีกหรือไม่ เพราะส่งผลให้ลำน้ำชีมีระดับน้ำสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้

โดยพื้นที่ตำบลลำชีมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 8 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,828 ไร่ จุดเสี่ยงพนัง พบ 32 จุด ซึ่งได้มีการปักธงแดงพร้อมให้เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยหากเกิดพนังขาดจะทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนเสียหายทั้งหมด.