สำนักชลประทานที่ 8 ร่วมกับ จ.บุรีรัมย์ ใช้รถแบ็กโฮเจาะตัดถนนเชื่อมต่อ 2 จังหวัด เร่งเปิดช่องทางระบายมวลน้ำเหนือก้อนใหญ่กว่า 130 ล้านลูกบาศก์เมตร ลงสู่ลำน้ำมูล ป้องกันทะลักท่วม อ.พุทไธสง นาโพธิ์ เดือดร้อนซ้ำอีก สำรวจภาพมุมสูงพบน้ำหลากท่วมพื้นที่การเกษตร ถนน เป็นวงกว้าง...

เมื่อวันที่ 1 ส.ค.60 สำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ร่วมกับหลายหน่วยงานในจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้รถแบ็กโฮขุดเจาะตัดถนนเชื่อมต่อ 2 จังหวัด ระหว่างบ้านกระเบื้องนอก อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา กับบ้านบุ่งเบา อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ลึก 1.50 เมตร ยาว 30 เมตร เพื่อเปิดช่องทางระบายมวลน้ำเหนือมหาศาลที่ไหลมาจากหลายอำเภอของ จ.นครราชสีมา มารวมกับน้ำลำสะแทดที่กำลังเอ่อท่วมขังไร่นา บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ อ.เมืองยาง และ อ.พุทไธสง ให้ไหลลงสู่ลำน้ำมูล ซึ่งจากการประเมินคาดว่ามวลน้ำดังกล่าวมีปริมาณมากกว่า 130 ล้านลูกบาศก์เมตร หากปล่อยให้ระบายเองตามธรรมชาติจะใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 วัน ซึ่งจะทำให้พื้นที่ การเกษตรของเกษตรกรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่หากมีการเจาะตัดถนนเปิดช่องทางระบายน้ำ จะสามารถระบายลงสู่ลำน้ำมูลเข้าสู่สภาวะปกติได้ภายใน 4-5 วัน อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้มวลน้ำดังกล่าวไหลหลากเข้าไปท่วมบ้านเรือนราษฎร โรงเรียน วัด ถนน ในพื้นที่ อ.พุทไธสง และ อ.เมืองยาง ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างด้วย

...

ซึ่งที่ผ่านมา อ.พุทไธสง และ อ.นาโพธิ์ ก็ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่ไหลมาจากลำพังชู จ.มหาสารคาม หลากเข้าท่วมไร่นาและบ้านเรือนราษฎรหลายหมู่บ้าน ตำบล ซึ่งขณะนี้น้ำได้เริ่มลดระดับลง หลังทางเทศบาลได้นำเครื่องสูบน้ำเร่งสูบระบายน้ำลงสู่คลองอีสานเขียวอย่างต่อเนื่อง และจากการใช้โดรนบินสำรวจภาพมุมสูง พบว่ามวลน้ำเหนือที่ไหลมาจาก จ.นครราชสีมา ได้หลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนเชื่อมต่อหมู่บ้าน ตำบลเป็นวงกว้างแล้ว

นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 กล่าวว่า การขุดเจาะถนนเพื่อเปิดช่องระบายน้ำในครั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบจาก นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการ จ.บุรีรัมย์ เพื่อเร่งระบายมวลน้ำเหนือที่ไหลมาจากหลายอำเภอของ จ.นครราชสีมา มารวมกับลำสะแทดลงสู่ลำน้ำมูลให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ให้ประชาชนเชื่อว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมอีก ก็จะสามารถระบายมวลน้ำดังกล่าวลงสู่ลำน้ำมูลได้ภายใน 4-5 วัน.