เปิดตำนานพิธี 'ป๋างแปด' งานบวงสรวงเจ้าเมืองล้านนา 'เจ้าหลวงเวียงแก่น' เพื่อความเป็นสิริมงคลของชาวเวียงแก่น จ.เชียงราย 

นายสมศักดิ์ บุญยวง กำนัน ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย กล่าวว่า ชาวบ้านใน อ.เวียงแก่น อยู่ในช่วงประกอบพิธีบวงสรวง เจ้าหลวงเวียงแก่น และเจ้าเมืองอื่นในพื้นที่ หรือเรียกเป็นภาษาถิ่นว่า พิธีป๋างแปด เพื่อความเป็นสิริมงคล และขอบคุณเจ้าที่เจ้าเมืองก่อนฤดูกาลเพราะปลูกของปี

ทั้งนี้ พิธีป๋างแปด เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกัน โดยชาวบ้านจะมาร่วมกันเตรียมสิ่งของที่เจ้าหลวงเวียงแก่น ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านยายใต้ ตามประเพณีพิธีกรรมจะกำหนดไว้ 2 วัน ในวันขึ้น 3 ค่ำเป็นวันดา คือวันเตรียมของ และวันขึ้น 4 ค่ำ เป็นวันพิธีบรวงสรวง ของเดือน 8 หรือช่วงปลายเดือน พ.ค.-มิ.ย. ของทุกปี ในปีนี้ตรงกับวันที่ 28-29 พ.ค. 60 และ 31 พ.ค.-1 มิ.ย. ในวันแรกของการทำพิธีกรรม จะเรียกว่า วันปาด หมาก

โดย ผู้เฒ่าผู้แก่จะถือว่าวันดังกล่าวเป็น วันก๋ำ โดยจะมีการเตรียมสถานที่และสิ่งของเซ่นไหว้ ได้แก่ กรวยดอกไม้ ธูปเทียน กรวยใบพลู หญ้าช้าง หญ้าม้า ผ้าขาว ผ้าแดง หมาก และเหล้าขาว ก่อนวันพิธีจะนำหมูหรือควายมาบอกกล่าวเซ่นไหว้ เจ้าหลวงเวียงแก่น ก่อนจะให้คนนำไปฆ่าในช่วงเช้าวันประกอบพิธีบวงสรวง เพื่อทำอาหารนำมาถวาย

...

สำหรับ สัตว์ที่ใช้เป็นเครื่องสังเวยในพิธีกรรมจะต้องเป็นหมูหรือควายตัวผู้สีดำเท่านั้น และจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันในแต่ละปี คือ จะใช้หมูเป็นเครื่องประกอบพิธี 2 ปี หลังจากนั้นจะเปลี่ยนมาใช้ควาย 1 ปี การเตรียมสิ่งของหรือเครื่องประกอบพิธีกรรมต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของ พ่อเข้าจ้ำ คือ ผู้รับหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างชาวบ้านกับดวงวิญญาณ เจ้าหลวงฯ และบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน รวมไปถึงกลุ่มวงดนตรีสะล้อซอซึงพื้นบ้าน ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในพิธีกรรมดังกล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเชิญดวงวิญญาณเจ้าหลวงฯ อาทิ เจ้าคำเหลือง เจ้าเวียงดึง เจ้าฟ้าแสนศึก เจ้าที่นับถือในแต่ละหมู่บ้านลงมาประทับร่างทรง พ่อเข้าจ้ำ ก็จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้ร่างทรงของเจ้านั้นๆ แล้วจัดนำสิ่งของเซ่นไหว้ถวาย หลังจากนั้นผู้ร่วมในพิธีก็จะเข้าขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล หรือสอบถามสิ่งที่กังวลใจ ทั้งเรื่องส่วนตัว ครอบครัว รวมทั้งชุมชน การทำไร่ ทำสวน เพื่อให้ช่วยชี้แนะแก้ไขปัญหาจากนั้น

จากนั้น พ่อเข้าจ้ำ จะนำอาหาร และเครื่องเซ่นไหว้ที่จัดเตรียมไว้ไปถวายให้กับเจ้าหลวงเวียงแก่น ได้แก่ ลาบ แกงอ่อม ส้า (ไม่ใส่เลือดแต่ใส่มะเขือแทน) เนื้อย่าง และ เครื่องในต้มที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมาร้อยด้วยไม้ไผ่ เรียกว่ำ “จิ้นหิ้ว” พร้อมทั้งหัวหมูต้ม หาง และขาทั้ง 4 ขา

เมื่อเสร็จพิธีจะทำการยิงปืน จำนวน 16 นัด เป็นสัญญาณบอกกล่าวผู้ที่เข้าร่วมพิธีให้สามารถรับประทานอาหารได้ หลังจากนั้นจะทำพิธีสู่ขวัญให้กับ “ที่นั่ง” หรือ ร่างทรง เพื่อเรียกขวัญ และทำพิธีผูกข้อมือถือเป็นเสร็จพิธี หลังเสร็จพิธีเลี้ยงเจ้าหลวงเวียงแก่นแล้ว ในวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 บรรดากลุ่มเครือญาติหรือผู้ที่สืบสกุลเชื้อสายมาจากเจ้าเวียงดึง จะมาร่วมกันทำพิธีบวงสรวงเซ่น ไหว้ ณ หอเจ้าเวียงดึงในหมู่บ้านม่วงยายใต้ จากนั้นวันขึ้น 6 ค่ำ ชาวไทลื้อบ้านปอกลาง ต.ปอ ก็จะจัดเลี้ยงเป็นอันสิ้นสุด

สำหรับ เวียงแก่นในอดีตเคยเป็นเมืองเก่าที่มีอายุประมาณกว่า 700 ปี ตรงกับยุคสมัยกรุงสุโขทัยและเมืองเชียงราย เดิมเมืองเวียงแก่นเคยมี เจ้าหลวงเวียงแก่น เป็นเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้าย ภายหลังเกิดการสู้รบกับเจ้าพญามังราย บริเวณที่ราบทางทิศตะวันตกของเมือง เจ้าหลวงเวียงแก่นก็สิ้นพระชนม์ในสนามรบแห่งนี้ ส่งผลให้เมืองเวียงแก่นถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน

ปัจจุบัน จุดที่ตั้งเมืองเวียงแก่น หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองโบราณดงเวียงแก่น ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรให้เป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงเจ้าหลวงเวียงแก่น ผู้คนที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำงาว ชาวบ้านได้ร่วมใจกันจัดพิธีบวงสรวงเจ้าหลวงเวียงแก่น รวมทั้งเจ้าต้นตระกูล

อย่างไรก็ตาม พิธีกรรมดังกล่าว ชาวเหนือล้านนา โดยเฉพาะที่เวียงแก่นจะถือปฏิบัติกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ถือเป็นประเพณีพิธีกรรมสำคัญของผู้คนในอำเภอเวียงแก่น ซึ่งแต่เดิมเป็นพิธีกรรมที่เรียบง่าย และปฏิบัติสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น แต่ในปัจจุบันพิธีกรรมดังกล่าว ได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในพื้นที่ การปฏิบัติในพิธีกรรมอาจปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในพื้นที่ ซึ่งจะทำก่อนฤดูกาลทำการเกษตร ไร่นา ประจำทุกปี

...