ชาวบ้านและฝ่ายปกครองแม่ฮ่องสอน นัดรวมพลขับไล่ปลัดแม่สะเรียงจอมแฉ พ้นพื้นที่ ขณะที่เจ้าตัวไม่หวั่น เดินหน้าส่งเรื่อง ป.ป.ช.ฟันผู้ว่าฯ ซ้ำอีกรอบ เผยมีหลักฐานพอชี้มูลความผิดได้
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 60 นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) และปลัดอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตนเตรียมยื่นหนังสือเพื่อให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอบสวนเอาผิดต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ปล่อยให้มีปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบาสำคัญของทางรัฐบาล แต่กลับละเลยต่อปัญหาดังกล่าว ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของระดับประเทศ และด้านความมั่นคง ศีลธรรม ความสงบเรียบร้อยในแม่ฮ่องสอน
นอกจากนี้ ยังมีการปกปิดความผิดถูกกล่าวหา ผลการสอบสวน ตามคำสั่งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่มีการตั้งคณะทำงานสหวิชาชีพในการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ แต่หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนแล้วได้เสนอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา กลับมีการดึงข้อความและเทปการบันทึกเสียงบางส่วนที่เหยื่อกล่าวพาดพิงไปถึงตัวท่านหายไป
ทั้งนี้ จึงถือว่าท่านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 คือ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารหรือกรองข้อความลงเอกสาร ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่รับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น จึงถือว่าว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
นายบุญญฤทธิ์ ได้นำหลักฐานหนังสือคำสั่งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยลงนามโดยนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน ตามคำสั่งที่ 1/2560 ลงวันที่ 2 ก.พ. 60 ซึ่งหนังสือในคำสั่งดังกล่าวมีผู้ว่าฯ เป็นประธานคณะกรรมการการสอบสวน และเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2560
...
โดยคณะกรรมการก็มีการนำเด็กที่เป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาให้ถ้อยคำ และการสอบสวนเสร็จแล้วได้เสนอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ ก็มีการคัดชื่อและการให้ถ้อยคำเด็กออก และให้มีมีการสอบสวนเด็กเพื่อให้ถ้อยคำใหม่ เหมือนกับว่ามีการให้ให้เหยื่อให้ถ้อยคำเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งก็ถือว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.162 ตามที่กล่าวมาข้างต้น
"มีเจ้าหน้าที่หนึ่งในคณะกรรมการเขาแจ้งให้ผมว่า การสอบสวนเด็กที่ตกเป็นเหยื่อ และการบันทึกเทปมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เทปที่บันทึกการให้ถ้อยคำเด็ก ก็อ้างว่าเครื่องบันทึกไม่ได้เสียบปลั๊กไฟ และถ้อยคำที่สอบเด็กครั้งแรกพร้อมกับข้อความก็หายไป มันก็เป็นพิรุธที่ชัดเจน ต่อมาทางคณะอนุกรรมการก็มีการสอบเด็กใหม่ ก็มีการซัดทอดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมถึงเด็กก็มีการนำเข้าเครื่องจับเท็จไปแล้ว ซึ่งผิดถูกมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่ามันต้องเป็นไปตามกระบวนการ แต่ถ้าหากผู้ว่าท่านถูกกล่าวหา ท่านก็ฟ้องได้ เพราะท่านได้รับความเสียหาย แต่การที่ท่านตัดข้อความการสอบสวนของคณะอนุกรรมการออกไปในประเด็นที่เด็กให้การยืนยันว่าได้ไปพบท่านผู้ว่าฯ มันก็เป็นความผิดชัดแจ้งแล้ว ตอนนี้หลักฐานต่างๆ ก็เริ่มปรากฏชัดหลายอย่างแล้ว ทั้งการสอบสวนคดีอาญาของฝ่ายตำรวจ แต่หากมันเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน มันเป็นหน้าที่ของของคณะกรรมการ ป.ป.ช.และ ปปป.ที่จะต้องเข้ามาสอบสวนท่านผู้ว่าฯ ในเรื่องนี้ และผมก็จะยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานทั้ง 2 แห่งต่อไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนนี้ภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีการแชร์ข้อความมายังสื่อต่างๆ ว่า ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) จะนัดรวมตัวกัน คาดว่าจะมีมากกว่า 200 คนขึ้นไป หน้าที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง เพื่อร่วมกันขับไล่นายบุญญฤทธิ์ ปลัดจอมแฉรายนี้ออกจากพื้นที่
นายบุญญฤทธิ์ได้แสดงความเห็นในกรณีนี้ว่า ตนมองว่าทุกคนมีสิทธิ์ย่อมที่จะกระทำได้ และพร้อมน้อมรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตนทำเพื่อรักษาชื่อเสียงส่วนรวมของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งค้ามนุษย์ และใช้เป็นสถานที่เลี้ยงดูปูเสื่อของข้าราชการของรัฐบางหน่วยงาน.