(ภาพประกอบเนื้อข่าว)

"โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่" ระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงผ่าตัดต่อข้อแขนเด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่ถูกฟันจนแขนขาดได้สำเร็จ


จากกรณี นายหม่อง และ นายท๊อป พร้อมพวกเกือบ 20 คน ใช้อาวุธมีดทำร้ายเด็กหญิง 14 จนข้อมือขาดและมีเพื่อนของผู้เสียหายบาดเจ็บอีก 2 คน โดยเหตุเกิดที่ร้านสะดวกซักบนถนนสายสันกำแพงสายเก่า ต.หนองป่าครั่ง อ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย

ล่าสุด วันที่ 20 ก.ย. 2568 รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ว่าได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. ผู้ป่วยถูกนำส่งเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลในภาวะบาดเจ็บรุนแรง มือขวาขาด มีแผลฉีกขาดและเสียเลือดจำนวนมาก การรับความรู้สึกและการเคลื่อนไหวของมือสูญเสียทั้งหมด

ขณะที่ ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและมือ นำโดย ผศ.นพ.โอภาส พิณไชย หัวหน้าหน่วยศัลยกรรมตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ พร้อมด้วย พญ.สุธิดา เซ่งไพเราะ, นพ.กฤติน ปิติเสรี, พญ.จุฑารัตน์ ศิริดลธนเกษม, นพ.แก้ว อินทรอุทก และทีมศัลยกรรมตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อเชื่อมต่อแขนและมือขวาของผู้ป่วย ใช้เวลาผ่าตัดยาวนานเกือบ 20 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การผ่าตัดได้ทำการต่อซ่อมโครงสร้างสำคัญ ได้แก่ เส้นเอ็น (tendons) จำนวน 21 เส้น เส้นประสาท (nerves) จำนวน 6 เส้น เส้นเลือดแดง (artery) จำนวน 1 เส้น และเส้นเลือดดำ (veins) จำนวน 3 เส้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 90 ของโครงสร้างที่จำเป็นทั้งหมดของมือ การผ่าตัดต่อแขนและมือสำเร็จเบื้องต้น มือที่ขาดกลับมามีเลือดไปเลี้ยง แต่ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เนื่องจากการผ่าตัดประเภทนี้ยังมีโอกาสล้มเหลวได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการรักษา ผู้ป่วยจึงต้องได้รับการเฝ้าติดตามและประเมินการไหลเวียนเลือดและความมีชีวิตของเนื้อเยื่อที่ถูกต่อหรือปลูกถ่าย (flap monitoring) ตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามภาวะการอุดตันของเส้นเลือดอย่างใกล้ชิด

...

สำหรับอาการล่าสุดหลังผ่าตัด ปัจจุบันแขนและมือที่ต่อกลับมายังมีชีวิตอยู่ มีการไหลเวียนเลือดเพียงพอ แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ต้องรอการฟื้นฟูของเส้นประสาทในระยะต่อไป ทั้งนี้แม้จะสามารถฟื้นฟูได้เต็มที่ แต่การทำงานของมืออาจไม่กลับมาเหมือนเดิมทั้งหมด โดยอาจมีข้อจำกัด เช่น การเคลื่อนไหวลดลงจากการบาดเจ็บและการยึดติดของข้อ การรับความรู้สึกลดลงและอาจมีอาการชา การทำงานของกล้ามเนื้อลดลง และจำเป็นต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

ส่วนผลกระทบต่อผู้ป่วยในอนาคต แม้ทีมแพทย์จะสามารถช่วยชีวิตและต่อมือกลับคืนให้ได้ แต่ผู้ป่วยจะไม่สามารถใช้งานมือขวาได้เต็มประสิทธิภาพดังเดิม จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ และการผ่าตัดเพิ่มเติมในระยะต่อไป เพื่อเพิ่มโอกาสให้กลับมาใช้งานได้ใกล้เคียงปกติที่สุด รวมทั้งต้องได้รับคำปรึกษาจากทีมจิตแพทย์ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจหลังเผชิญเหตุการณ์รุนแรง.