"ส.อ.ธีรพล" เปิดใจหลังสูญขาซ้ายจากเหตุการณ์ลาดตระเวน มั่นใจเป็นระเบิดที่ถูกติดตั้งใหม่หลังประชุม GBC เพราะเป็นเส้นทางที่ตรวจสอบเป็นประจำ วอนผู้บังคับบัญชารับลูกชายสืบต่อหน้าที่
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ทหารพรานจู่โจมที่ 2610 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดย ส.อ.ธีรพล เล่าว่า เส้นทางที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางลาดตระเวนประจำ โดยปกติในหนึ่งสัปดาห์จะเดินลาดตระเวนเส้นทางนี้อย่างน้อย 3 ครั้ง แต่ช่วงที่มีเหตุการณ์ตึงเครียดจะเพิ่มความถี่มากขึ้น เพื่อเฝ้าระวังการแอบเข้ามาสอดแนม หรือรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม ในฐานะหัวหน้าชุดลาดตระเวน ตนจะเป็นผู้นำเดินหน้าเสมอ เพราะมองว่าหน้าที่ของผู้นำ คือการเสียสละเพื่อความปลอดภัยของลูกทีม
และทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจ ไม่มีอุปกรณ์ตรวจหาวัตถุระเบิดใช้เพียงสายตาและประสบการณ์เป็นหลัก เนื่องจากเครื่องตรวจเข้ามาใช้งานภายหลัง และตลอดกว่า 20 ปีในอาชีพทหาร ตนใช้ระบบการสังเกตและความเคยชินจนชำนาญ สามารถมองเห็นสิ่งแปลกปลอมได้อย่างแม่นยำ
สำหรับวันเกิดเหตุ ตนมั่นใจในเส้นทางนี้ เนื่องจากเคยเดินหลายครั้ง แต่กลับพบว่าระเบิดที่เหยียบเป็นการติดตั้งใหม่ทั้งหมด 4 ลูก โดยลูกแรกเป็นจุดที่ตนเหยียบ ส่วนอีก 3 ลูกที่เหลือถูกเจ้าหน้าที่เก็บกู้ขึ้นมาภายหลัง พบว่ามีสภาพใหม่เอี่ยมและถูกพรางตาด้วยใบไม้ โดยตนเชื่อว่าผู้ลงมือไม่ได้มีเป้าหมายสังหาร แต่ต้องการให้เสียอวัยวะ อีกทั้งยังมั่นใจว่าระเบิดชุดนี้เพิ่งติดตั้งหลังการประชุม GBC โดยคาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 10 หรือ 11 สิงหาคม เพราะก่อนหน้านี้เขาเดินลาดตระเวนเส้นทางนี้แล้วยังไม่พบ
สิบเอกธีรพล ย้ำว่า ไม่เคยเชื่อใจการพูดคุยหรือเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเลย เนื่องจากมองว่าพวกเขมร "พูดอย่างทำอย่าง" และเปรียบเหมือนหอกข้างแคร่
...
ปัจจุบัน อาการทางร่างกายปลอดภัยแล้ว สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี ยอมรับว่าตนรักและภูมิใจในอาชีพนี้มาก ตั้งแต่เข้ารับราชการทหารในปี 2543 ผ่านภารกิจทั้งในพื้นที่ภาคใต้ ภาคเหนือ และปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย–กัมพูชาตั้งแต่ปี 2554 รวมถึงได้สอบเลื่อนฐานะมา
ตนมีแรงบันดาลใจจากพี่ชายที่เป็นทหาร และได้ปฏิญาณกับตัวเองว่าจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ ไม่ให้หน่วยงานเสื่อมเสีย พร้อมถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เล่นการพนัน และไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุข
แม้ปัจจุบันร่างกายไม่พร้อมกลับไปสู้เช่นเดิม แต่ตนยังมีความฝันให้ครอบครัวได้สืบสานหน้าที่นี้ จึงฝากความหวังถึงผู้บังคับบัญชา ขอให้บรรจุลูกชายเข้ารับราชการแทน เพราะเชื่อว่าลูกชายมีใจรักในงานด้านนี้เช่นเดียวกับตน และพร้อมจะมาทำหน้าที่แทนพ่อในการปกป้องแผ่นดิน
ด้าน นางสาวพุทธวรรณ โชคนัก ภรรยาของ ส.อ.ธีรพล เพียขันที เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังสามีได้รับบาดเจ็บว่า รู้สึกดีใจที่เห็นสามีมีอาการแข็งแรงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ในใจเต็มไปด้วยความกังวล กลัวว่าเขาจะเจ็บปวดจากบาดแผลมาก
และในฐานะภรรยาได้บอกกับตัวเองทุกวันว่าต้องเข้มแข็งให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้สามีกังวลใจ พยายามยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่จมอยู่กับความทุกข์ เพราะสามีได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดแล้ว ในขณะเดียวกันเราก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดีให้กับเขาเช่นเดียวกัน
วันนี้ตนภูมิใจมากที่สามีได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ในการเป็นรั้วของชาติ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้สิ่งที่อยากที่สุดคือให้เขาหายเร็วๆ และไม่ต้องเจ็บปวดจากแผลที่มีอยู่ และในตอนนี้ตนไม่ได้คิดถึงเรื่องสถานการณ์อื่นๆ เลย เพียงอยากให้สามีฟื้นตัวโดยเร็ว
ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาดูแลในเบื้องต้นได้ทำเต็มที่แล้ว และรู้สึกภูมิใจที่ทุกคนให้ความใส่ใจต่อทหาร แม้ในตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามาตรการดูแลและเยียวยาระยะยาวจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการเห็นสามีแข็งแรงก่อน แล้วค่อยพูดคุยถึงเรื่องอื่นต่อไป.